แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 22
1
เด็กที่เข้ารับการจัดฟันเด็ก ควรรับประทานอาหารแบบใด

สุขภาพช่องปากและฟัน สำหรับเด็ก ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะถ้าเด็กเกิดฟันผุ หรือปัญหาเกี่ยวกับช่องปาก อาจจะทำให้เด้กรับประทานอาหารได้ลำบากมากยิ่งขึ้น

เนื่องจากปัญหาฟันบางอย่าง อาจจะส่งผลต่อการรับประทานอาหารอาหาร และการที่เด็กไม่สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ละเอียด แน่นอนว่าจะส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมของเด็กอย่างแน่นอน และยังทำให้เด็กมีอาการเบื่ออาหาร จนทำให้เด็กไม่สามารถรับประทานอาหารได้อย่างเพียงพอ จึงเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่างๆได้ ดังนั้น การดูแลเรื่องของฟันในเด็ก จึงเป็นเรื่องที่พ่อแม่ผู้ปกครอง ควรที่จะเอาใจใส่ดูแล

เพราะเด็ก เป็นช่วงที่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว จึงต้องการอาหารที่ให้สารอาหารและพลังงานสูง  เมื่อเด็กอายุครบ 5 ขวบก็สามารถให้เด็กรับประทานอาหารทั่วไป แต่ห้ามเติมเกลือในอาหารเด็ก สิ่งสำคัญคือเด็กต้องได้รับโปรตีนและแคลเซียมที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของกระดูกและกล้ามเนื้อ นมและผลิตภัณฑ์จากนมเป็นแหล่งอาหารที่ดีที่ให้ทั้งโปรตีนและแคลเซียมที่จำเป็น ซึ่งสามารถให้พลังงานเพียงพอกับความต้องการของร่างกายได้

ซึ่งนอกจากการดูแลเรื่องของโภชนาการของเด็กแล้ว พ่อแม่ผู้ปกครองควรใส่ใจในเรื่องของการรักษาความสะอาดของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กด้วย เพราะอาหารที่เด็กรับประทานเข้าไป ก็มีส่วนช่วยในด้านสุขภาพช่องปากและฟันเช่นเดียวกัน ยิ่งในเด็กที่เข้ารับการจัดฟันในเด็กนั้น การรับประทานอาหารยิ่งมีความสำคัญ เพราะเด็กจะต้องเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และไม่ส่งผลต่อการจัดฟันด้วย สำหรับวันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพุดถึงเรื่องของการรับประทานอาหารของเด็กที่เข้ารับการจัดฟัน

สำหรับอาหารกับคนที่จัดฟัน โดยหลักทั่วไปแล้ว การรับประทานอาหารสำหรับคนจัดฟัน ผู้เข้ารับการจัดฟัน ควรที่จะรับประทานอาหารที่มีความอ่อน ซึ่งทันตแพทย์หลายท่านอาจจะแนะนำให้ผู้เข้ารับการจัดฟัน เลือกรับประทานอาหารอย่างเหมาะสม เพื่อให้สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ดี โดยไม่ต้องออกแรงในการเคี้ยวมาก เพ่อที่จะได้ระมัดระวังในเรื่องของเครื่องมือการจัดฟันที่อยู่ภายในช่องปากด้วย

ดังนั้น ผู้เข้ารับการจัดฟันทุกคนจะต้องเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม จะต้องงดการรับประทานอาหารที่เหนียวและแข็ง เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องมือการจัดฟันหลุดขณะรับประทานอาหาร หรือหากรับประทานอาหารที่มีความแข็งมากๆ จะอาจจะทำให้เครื่องมือการจัดฟันได้รับความกระทบกระเทือน

เพราะผู้ที่เข้ารับการจัดฟันส่วนใหญ่จะมีปัญหาในเรื่องดังกล่าว สังเกตได้จากผู้ที่เข้ารับการจัดฟันหลายคน ส่วนใหญ่จะหลีกเลี่ยงการเคี้ยวหมากฝรั่ง หรือรับประทานลูกอม น้ำแข็ง เพื่อเซฟในเรื่องของเครื่องมือการจัดฟัน

ซึ่งถ้าหากเครื่องมือการจัดฟันเกิดความเสียหาย หรือเครื่องมือชิ้นใดชิ้นหนึ่งหลุดหายไปขณะรับประทานอาหาร ก็จะส่งผลต่อการรักษาโดยตรง ดังนั้น ผู้ที่เข้ารับการจัดฟันควรที่จะรับประทานอาหารที่มีความอ่อนนุ่ม เช่น ข้าวต้ม หรือผลไม้ที่ไม่แข็ง แต่อีกแง่มุมหนึ่งผู้เข้ารับการจัดฟันก็สามารถเลือกรับประทานอาหารได้หลากหลาย

เพียงแต่ว่าต้องเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมกับตัวเอง เพื่อที่จะได้ไม่เกิดปับยหาขณะการจัดฟัน เช่นเดียวกับกับการจัดฟันในเด็ก พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะใส่ใจในเรื่องของอาหารการกินเพื่อให้เด็กได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และส่งผลดีต่อการจัดฟัน

เพราะฉะนั้น การดูแลเด็กที่เข้ารับการจัดฟัน ในเรื่องของโภชนาการจึงมีความสำคัญ และยังช่วยให้เป็นการปลูกฝังในเรื่องของการเลือกรับประทานอาหารของเด็กได้อีกด้วย เด็กจะไม่มีพฤติกรรมการรับประทานจุกจิก และเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์มากยิ่งขึ้น จนติดเป็นนิสัย นอกจากจะช่วยให้เด็กมีสุขภาพช่องปากและฟันในเด็กแล้ว ยังช่วยให้เด็กมีสุขภาพร่างกานที่แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บและได้รับสารอาหารที่มีแต่ประโยชน์ด้วย

หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็กได้ ที่คลินิกเพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดฟันในเด็ก และยังมีระสบการณ์ด้านทันตกรรมเด็กมาอย่างยาวนาน พร้อมที่จะให้คำแนะนำและคำปรึกษาสำหรับเด้กที่อยากเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพื่อที่จะได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะเราอยากเด็กมีฟันที่สวยงามเป็นธรรมชาติ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

2
สินค้า บริการอื่น ๆ / Doctor At Home: ครู้ป (Croup/Laryngotracheobronchitis)
« เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2024, 13:18:48 pm »
Doctor At Home: ครู้ป (Croup/Laryngotracheobronchitis)

ครู้ป (คอตีบเทียม ก็เรียก) หมายถึงการอักเสบของเยื่อบุผิวของทางเดินหายใจตั้งแต่กล่องเสียงลงไปที่ท่อลม และหลอดลม ทำให้มีอาการไอเสียงก้อง และอาจเกิดการอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนต้น มักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง และหายได้เอง

พบบ่อยในเด็กอายุ 6 เดือนถึง 3 ปี (สูงสุดในช่วงอายุ 1-2 ปี) พบน้อยในเด็กอายุเกิน 6 ปี แต่บางครั้งก็อาจพบในเด็กโต (จนถึง 12-15 ปี) ก็ได้ พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 2 เท่า


สาเหตุ

เกิดจากเชื้อไวรัสซึ่งมีอยู่หลายชนิด ที่พบได้บ่อยสุดได้แก่ ไวรัสพาราอินฟลูเอนชา (parainfluenza)

นอกจากนี้อาจเกิดจากไวรัสอะดีโน (adenovirus) อาร์เอสวี (respiratory syncytial virus/RSV) ไวรัสหัด เป็นต้น

ส่วนไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ (influenza A) มักทำให้เกิดอาการที่รุนแรง และพบบ่อยในเด็กอายุ 3-7 ปี       

โรคนี้ติดต่อผ่านทางเดินหายใจแบบเดียวกับไข้หวัด


อาการ

แรกเริ่มมีอาการแบบไข้หวัด คือ มีไข้ เจ็บคอเล็กน้อย น้ำมูกไหล ไอ 1-2 วันต่อมาจะมีอาการเสียงแหบและไอเสียงก้อง และอาจได้ยินเสียงฮื้ด (stridor) ตอนหายใจเข้า มักเกิดตามหลังอาการไอ เด็กบางรายอาจมีอาการหายใจลำบากร่วมด้วย ซึ่งมากน้อยขึ้นกับความรุนแรงของโรค อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นฉับพลันทันทีและจะเป็นมากในช่วงเวลากลางคืน (ตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึง 6โมงเช้า) บางรายเป็นมากจนทำให้สะดุ้งตื่น อาการจะทุเลาในช่วงกลางวัน

เด็กส่วนใหญ่อาการมักจะไม่รุนแรง และหายได้เองภายใน 3-7 วัน (บางรายอาจนานถึง 2 สัปดาห์)


ภาวะแทรกซ้อน

พบได้น้อย

อาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน กลายเป็นปอดอักเสบ ท่อลมอักเสบ (tracheitis) หูชั้นกลางอักเสบ

อาจพบภาวะปอดบวมน้ำ (pulmonary edema) และปอดทะลุ


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก

มักตรวจพบไข้ 38-39 องศาเซลเซียส มีอาการไอเสียงก้อง และอาจได้ยินเสียงฮื้ด (stridor) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาเด็กมีการเคลื่อนไหว เช่น วิ่งเล่น

บางรายอาจมีอาการหายใจลำบากเล็กน้อย หรือมีเสียงฮื้ดขณะพักอยู่นิ่ง ๆ

ในรายที่มีการอักเสบบริเวณหลอดลมร่วมด้วยอาจตรวจพบเสียงวี้ด (wheezing) เสียงอึ๊ด (rhonchi) เสียงกรอบแกรบ (crepitation)

ในรายที่เป็นรุนแรง (ซึ่งพบได้ส่วนน้อย) จะมีอาการไอถี่ ๆ มีเสียงฮื๊ดดังชัดเจนขณะพักอยู่นิ่ง ๆ หายใจลำบาก ซี่โครงและลิ้นปี่บุ๋ม ใช้เครื่องฟังตรวจปอดได้ยินเสียงหายใจเข้าเบากว่าปกติ ปากเขียว เล็บเขียว และอาจมีอาการซึมไม่ค่อยรู้สึกตัว

ในรายที่จำเป็นต้องวินิจฉัยโรคให้แน่ชัด แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น ตรวจเลือด ตรวจหาเชื้อก่อโรค เอกซเรย์ ใช้กล้องส่องตรวจกล่องเสียง (laryngoscopy) เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ถ้ามีอาการเพียงเล็กน้อย คือ มีไข้ ไอเสียงก้อง มีเสียงฮื้ดเป็นบางครั้งเฉพาะเวลาร้องไห้หรือเคลื่อนไหวร่างกาย โดยที่เด็กยังรู้สึกร่าเริง กินได้ ไม่อาเจียน ก็ให้การรักษาตามอาการ (เช่น ให้ยาลดไข้-พาราเซตามอล) ให้เด็กดื่มน้ำมาก ๆ หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ ให้ความชื้นโดยการวางอ่างน้ำไว้ข้างตัวเด็ก ขณะมีอาการกำเริบให้เด็กสูดไอน้ำอุ่น เช่น เปิดน้ำอุ่นจากก๊อกน้ำในห้องน้ำขณะปิดประตูห้องน้ำ แล้วนำเด็กเข้าไปอยู่ในนั้นนานอย่างน้อย 10 นาที หรือใช้ผ้าขนหนูจุ่มน้ำอุ่นให้หมาด ๆ แล้วนำมาจ่อใกล้ปากและจมูกเด็ก สังเกตอาการอย่างใกล้ชิดทุกวัน ส่วนใหญ่มักจะหายได้ภายใน 3-7 วัน

2. ถ้ามีอาการเสียงฮื้ดขณะพักอยู่นิ่ง ๆ หายใจลำบาก ซี่โครงและลิ้นปี่บุ๋ม ปากเขียว เล็บเขียว กลืนลำบาก กินไม่ได้ มีภาวะขาดน้ำ กระสับกระส่ายหรือซึม แพทย์จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล ให้การรักษาโดยให้ออกซิเจนพ่นฝอยละอองน้ำให้ความชื้น ให้ยาสเตียรอยด์ลดการอักเสบและการบวมของเยื่อบุกล่องเสียง

ส่วนยาปฏิชีวนะจะให้เฉพาะในรายที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน

ในรายที่หายใจลำบาก ปากเขียว มีภาวะขาดออกซิเจน จำเป็นต้องใส่ท่อหายใจและใช้เครื่องช่วยหายใจ

ผลการรักษา ส่วนใหญ่มักจะหายได้เป็นปกติภายใน 1 สัปดาห์ มีส่วนน้อยที่อาจมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง และมีอัตราตายต่ำมาก


การดูแลตนเอง

หากมีไข้ เจ็บคอ เสียงแหบและไอเสียงก้อง หรือหายใจลำบาก หรือสงสัยเป็นโรคครู้ป ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว ปฏิบัติตามคำแนะนำและแนวทางการรักษาพยาบาลของแพทย์อย่างจริงจัง

ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่นๆ) ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด


การป้องกัน

ปฏิบัติเช่นเดียวกับการป้องกันไข้หวัด ที่สำคัญคือ อย่าสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย และหมั่นล้างมือด้วยน้ำกับสบู่


ข้อแนะนำ

1. ผู้ป่วยที่มีอาการหายใจหอบและมีเสียงฮื้ด (stridor) ซึ่งแสดงว่ามีภาวะอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนต้น นอกจากโรคนี้แล้ว ยังอาจเกิดจากคอตีบ สำลักสิ่งแปลกปลอม กล่องเสียงบวมจากการแพ้  (ดู “โรคลมพิษ”) สปาสโมดิกครู้ป* ฝากล่องเสียงอักเสบเฉียบพลัน**

2. เด็กที่เคยเป็นโรคครู้ปชนิดรุนแรง บางรายอาจกลายเป็นโรคภูมิแพ้หรือโรคหืดเมื่อโตขึ้น

3. ถ้าอยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 หรือมีประวัติสัมผัสผู้ป่วยโรคนี้ หากมีอาการที่สงสัยว่าจะเป็นโรคนี้ (เช่น ไข้ เจ็บคอ เสียงแหบ น้ำมูกไหล ไอ ท้องเดิน หายใจเหนื่อยหอบ) หรือทำการตรวจหาเชื้อด้วยชุดตรวจแอนติเจน (ATK) ด้วยตนเองให้ผลเป็นบวก ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

* สปาสโมดิกครู้ป (spasmodic croup) เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ และไม่เกี่ยวกับการติดเชื้อ เชื่อว่าเกิดจากการแพ้ หรือการระคายเคืองจากโรคกรดไหลย้อน พบบ่อยในเด็กอายุ 6 เดือนถึง 3 ปี มักมีประวัติว่ามีคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ด้วย มักมีอาการเกิดขึ้นฉับพลันเฉพาะตอนกลางคืน (ส่วนใหญ่เป็นช่วงประมาณเที่ยงคืน) ด้วยอาการไอ และมีเสียงฮื้ด โดยไม่มีไข้ และเสียงแหบไม่มาก บางรายอาจมีอาการหลังจากเป็นไข้หวัด หรือถูกควันหรืออากาศเย็น อาการมักจะไม่รุนแรง และเป็นอยู่นาน 2-4 ชั่วโมง พอรุ่งเช้าก็หายเป็นปกติ บางรายตกกลางคืนอาจกำเริบซ้ำได้อีก 4-5 คืน

การรักษา ให้การดูแลแบบเดียวกับครู้ปจากเชื้อไวรัส โดยทั่วไปมักไม่ต้องให้ยาอะไร ก็จะหายไปได้เอง แต่ถ้ามีอาการหายใจลำบาก หรือมีอาการเสียงฮื้ดขณะพักอยู่นิ่ง ๆ ก็ต้องเข้าไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลด่วน

** ฝากล่องเสียงอักเสบเฉียบพลัน (acute epiglottitis) เป็นภาวะติดเชื้อรุนแรงของฝากล่องเสียง (epiglottis) พบได้ทั้งในทารก เด็กโต และผู้ใหญ่ พบมากในเด็กอายุ 2-7 ปี เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ที่พบได้บ่อยสุด (ร้อยละ 90 ของผู้ป่วย) ได้แก่ ฮีโมฟิลุสอินฟลูเอนเซ (Hemophilus influenzae) นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากเชื้อสเตรปโตค็อกคัส สแตฟีโลค็อกคัส เป็นต้น มักมีอาการเกิดขึ้นฉับพลันและรุนแรง  โดยอยู่ ๆ ผู้ป่วยมีอาการไข้สูง เจ็บคอมาก เสียงแหบ กลืนลำบาก น้ำลายฟูมปาก หายใจลำบาก และมีเสียงฮื้ด มักไม่มีอาการไอหรือเจ็บหู เด็กจะมีท่าทางไม่สบายมาก กระสับกระส่าย ซี่โครงและลิ้นปี่บุ๋ม มักจะลุกขึ้นมานั่งในท่าเงยคางขึ้น เอนตัวไปข้างหน้า อ้าปากและแลบลิ้น เพื่อช่วยให้หายใจดีขึ้น หากไม่ได้รับการรักษาอาจเสียชีวิตภายในไม่กี่ชั่วโมง จัดเป็นโรคฉุกเฉินที่ต้องเข้าไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลด่วน

การรักษา ให้ออกซิเจน ใส่ท่อหายใจ อาจต้องเจาะคอช่วยหายใจ และให้ยาปฏิชีวนะ นาน 7-10 วัน

การป้องกัน สำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย แพทย์จะให้กินไรแฟมพิซิน วันละครั้ง นาน 4 วัน

3
motor show 2025: Nissan GT-R รุ่นต่อไปจะเป็นไฟฟ้า ใช้แบตเตอรี่ Solid-State พร้อมกำลังกว่า 1,300 แรงม้า!

Nissan GT-R รถในตำนานของนิสสัน รุ่นต่อไปเตรียมใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือ จะมาพร้อมแบตเตอรี่ Solid-State ซึ่งนิสสันระบุว่าจะช่วยให้ GT-R มีสมรรถนะที่เหนือกว่าเดิม
 
 
Nissan Hyper Force EV concept คือ GT-R รุ่นต่อไป?
 
เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว Nissan เปิดตัว Hyper Force EV concept หนึ่งในรถต้นแบบไฟฟ้า ซึ่งคาดว่าจะเป็น GT-R รุ่นต่อไป
 
Nissan เคลมว่ารถสปอร์ตไฟฟ้าคันนี้จะเป็น “ไฮเปอร์ EV ที่เปลี่ยนเกม” ด้วยกำลังมากกว่า 1,300 แรงม้า (1,000 kW) หรือ 1 เมกะวัตต์ (MW) เลยทีเดียว เมื่อเทียบกับรถสปอร์ตไฟฟ้าอย่าง Porsche Taycan Turbo GT ปอร์เช่ไฟฟ้ารุ่นแรงสุด สามารถให้กำลังสูงสุดที่ 1,034 แรงม้า (PS) เท่านั้น
 
กำลังทั้งหมดของรถมาจากระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าใหม่ ที่จับคู่กับแบตเตอรี่โซลิดสเตท โดยดีไซน์ภายนอกของ GT-R รุ่นต่อไปนั้น Nissan พัฒนาร่วมกับทีม NISMO เพื่อเพิ่มแอดรไดนามิกส์ให้ดีที่สุด เราจะเห็นตัวรีดอากาศและดิฟฟิวเซอร์หลัง ซึ่งช่วยให้รถมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น
 
 
แบตเตอรี่ Solid-State เหมาะกับรถสปอร์ตอย่างไร?
 
Ivan Espinosa รองประธานฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์ระดับโลกของ Nissan กล่าวกับ Autocar เกี่ยวกับคำถามถึงเรื่องการใช้แบตเตอรี่ Soild-State ว่า “คุณสามารถนำไปใช้กับรถสปอร์ตได้อย่างง่ายดาย”
 
เขาอธิบายต่อไปว่า แบตเตอรี่ Solid-State เหมาะกับรถสปอร์ตไฟฟ้าตรงที่ สามารถบรรจุพลังงานได้มาก โดยใช้พื้นที่เพียงครึ่งหนึ่งของแบตเตอรี่ทั่วไป
 
 
Nissan เผยว่า GT-R ไฟฟ้า จะใช้แบตเตอรี่ Solid-State
 
Espinosa เผยเป็นนัยว่า GT-R ไฟฟ้ารุ่นต่อไป จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่เปิดตัวพร้อมแบตเตอรี่โซลิดสเตท ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

แม้ว่า Nissan จะไม่ได้ประกาศเกี่ยวกับสปอร์ตคาร์ไฟฟ้าอย่างเป็นทางการ แต่เราก็พอจะเห็น โลโก้ “GT-R” ในรถต้นแบบ Hyper Force EV อยู่ และรถคันนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยีขับเคลื่อนสี่ล้อ  e-4ORCE ซึ่งช่วยเพิ่มการควบคุมบนสนามแข่งและทางที่คดเคี้ยว
 
 
GT-R ไฟฟ้า อาจเปิดตัวในปี 2028
 
สำหรับ GT-R R35 ก๊อตซิลล่ารุ่นล่าสุด ได้ทำตลาดมายาวนานกว่า 17 ปี และเลิกผลิตไปเมื่อไม่นานมานี้ อย่างไรก็ตาม GT-R รุ่นถัดไปที่เป็นไฟฟ้าอาจไม่ได้เปิดตัวเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากว่า Nissan จะเปิดตัว EV ที่ใช้แบตเตอรี่ soild-state ภายในปี 2028

 
แบตเตอรี่ Soild-State คือตัวเปลี่ยนเกม
 
เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา Nissan โชว์ให้เราเห็นถึงไลน์การผลิตนำร่อง ของแบตเตอรี่ Soild-State ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นตัวเปลี่ยนเกมเทคโนโลยีเลยทีเดียว เพราะตั้งใจให้มีความสามารถในการบรรจุพลังงานได้หนาแน่นกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนทั่วไปถึง 2 เท่า ซึ่งช่วยเพิ่มสมรรถนะของรถแถมลดเวลาชาร์จได้อีกด้วย
 
Espinosa กล่าวว่า “ในช่วงแรก ต้นทุนอาจจะสูง” แต่เขาคาดว่าต้นทุนจะลดลงตามเทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้น และกล่าวเสริมว่า “ด้วยความหนาแน่นของพลังงานที่มากกว่า คุณจะใช้วัสดุต่อแบตเตอรี่หนึ่งก้อนที่น้อยลง เพื่อส่งมอบพลังงานเท่ากัน ดังนั้นต้นทุนโดยรวมควรที่จะแข่งขันได้”
 
นอกจากนี้ Nissan ยังวางแผนที่จะใช้แบตเตอรี่ Solid-State ในรถหลากหลายรุ่น ซึ่งรวมถึง รถกระบะ ด้วย

4
โรคมะเร็งระหว่างตั้งครรภ์และผลกระทบต่อลูกน้อย

มะเร็งในระหว่างการตั้งครรภ์อาจส่งผลต่อสภาพจิตใจของคุณแม่ได้ไม่น้อย เพราะเดิมทีโรคมะเร็งเป็นโรคที่ค่อนข้างซับซ้อนและรักษายาก บวกกับความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของลูกน้อยในครรภ์ แต่โรคมะเร็งที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์อาจรักษาได้และไม่ได้ร้ายแรงเสมอไป

โรคมะเร็งที่เกิดในระหว่างตั้งครรภ์นั้นพบได้น้อย จากค่าเฉลี่ยพบว่ามีอัตราการเกิดราว 1 ใน 1,000 คน บางชนิดอาจรักษาได้ระหว่างตั้งครรภ์โดยไม่ส่งผลต่อทารกในครรภ์ ซึ่งแพทย์จะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของคุณแม่และทารกมาเป็นอันดับแรก หากคุณแม่รู้สึกไม่สบายหรือมีอาการผิดปกติระหว่างการตั้งครรภ์ก็อย่าเพิ่งกังวลไป ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจอย่างเหมาะสม ในเบื้องต้น บทความนี้จะพาไปรู้จักโรคมะเร็งที่เกิดในระหว่างการตั้งครรภ์ให้มากขึ้น


โรคมะเร็งส่งผลต่อทารกในครรภ์ไหม ?

ปกติแล้วหากตรวจพบมะเร็งชนิดที่ไม่รุนแรง ไม่ลุกลาม หรือไม่ได้อยู่ใกล้กับตำแหน่งสำคัญ โรคมะเร็งอาจไม่ส่งผลหรือเป็นอันตรายต่อตัวอ่อนในครรภ์โดยตรงในทันที แต่ถ้าคุณแม่เป็นโรคมะเร็งผิวหนังชนิดร้ายแรง (Malignant Melanoma) และโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวก็อาจมีความเสี่ยงที่เซลล์มะเร็งจะแพร่ไปยังทารกในครรภ์ได้เช่นกัน รวมทั้งขั้นตอนการรักษาบางอย่างก็อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้

ในกรณีของคุณแม่ที่กำลังให้นมลูกระหว่างเป็นมะเร็งยังสามารถให้นมลูกต่อไปได้อย่างปลอดภัย เพราะเซลล์มะเร็งมักไม่ส่งผ่านทางน้ำนม ทารกจึงสามารถกินนมแม่ได้โดยไม่เป็นอันตราย แต่ถ้าคุณแม่อยู่ระหว่างการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดหรือยาคีโม ไม่ควรให้ทารกดื่มนมแม่เพราะอาจเป็นอันตรายได้


ชนิดของมะเร็งที่พบระหว่างตั้งครรภ์

โรคมะเร็งระหว่างตั้งครรภ์อาจพบได้หลายชนิด โดยชนิดที่พบบ่อยที่สุด คือ โรคมะเร็งเต้านม (Breast Cancer) นอกจากมะเร็งเต้านมแล้วก็อาจพบโรคมะเร็งชนิดอื่น เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กิน (Hodgkin's Lymphoma) และชนิดนอนฮอดจ์กิน (Non-Hodgkin's Lymphoma) มะเร็งรังไข่ มะเร็งผิวหนังชนิดร้ายแรง มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมไทรอยด์ และมะเร็งลำไส้ใหญ่ นอกจากนี้ มะเร็งสมอง มะเร็งกระดูก และมะเร็งปอดก็อาจพบได้ระหว่างตั้งครรภ์เช่นเดียวกัน แต่โอกาสพบน้อยกว่ามะเร็งชนิดอื่น


มะเร็งตอนตั้งครรภ์ รักษาได้หรือไม่ ปลอดภัยหรือเปล่า?

การรักษาโรคมะเร็งระหว่างตั้งครรภ์อาจขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งชนิดของมะเร็ง ความรุนแรงและระยะของมะเร็ง อายุครรภ์ และความยินยอมในการรักษาของคุณแม่ ซึ่งแพทย์จะพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้ก่อนเลือกวิธีรักษาโรคมะเร็ง โดยมีตั้งแต่การใช้ยา การฉายแสง การทำเคมีบำบัด และการผ่าตัด

การรักษามะเร็งในระหว่างตั้งครรภ์ แพทย์จะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของคุณแม่และเด็กมาเป็นอันดับแรก หากโรคไม่รุนแรงมากหรืออายุครรภ์มากใกล้กำหนดคลอด แพทย์อาจรอให้คุณแม่คลอดเด็กก่อนแล้วค่อยเริ่มการรักษา บางกรณีอาจจำเป็นต้องเร่งให้ทารกคลอดก่อนกำหนดเพื่อเริ่มการรักษาให้เร็วที่สุด เช่น คุณแม่เป็นมะเร็งเต้านมชนิดไม่รุนแรงและเซลล์มะเร็งอยู่ในตำแหน่งที่สามารถผ่าตัดได้โดยไม่ส่งผลต่อการตั้งครรภ์ แพทย์อาจแนะนำวิธีการผ่าตัดเต้านมเพื่อป้องกันการแพร่ของเซลล์มะเร็ง แล้วค่อยฉายแสงอีกครั้งหลังจากคลอดเพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งที่อาจหลงเหลืออยู่

ถ้าผลการรักษาจากการผ่าตัดและการรักษาโรคมะเร็งในเบื้องต้นออกมาไม่ดี แพทย์อาจจำเป็นต้องเพิ่มระดับและความเข้มข้นในการรักษา เช่น การฉายแสงและการให้ยาเคมีบำบัด แต่ทั้งสองวิธีนี้อาจส่งผลต่อทารกได้ โดยเฉพาะการใช้ยาเคมีบำบัดที่อาจทำให้อวัยวะทารกไม่สมบูรณ์ เกิดภาวะสติปัญญาบกพร่อง พัฒนาการช้า และทำให้แท้งได้ ส่วนการผ่าตัดก็อาจทำให้เกิดการติดเชื้อและส่งผลต่อทารกในครรภ์ได้เช่นกัน

ในกรณีที่อาการรุนแรงและแพทย์พิจารณาแล้วว่าจำเป็นต้องเริ่มการรักษาทันที เพราะเซลล์มะเร็งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตของแม่ แพทย์จะพูดคุยเกี่ยวกับความเสี่ยงของการรักษา ความรุนแรงของโรค รวมถึงการยุติการตั้งครรภ์เพื่อให้คุณแม่เข้ารับการรักษาโดยเร็วที่สุด

นอกจากนี้การเกิดโรคมะเร็งระหว่างตั้งครรภ์ไม่เพียงส่งผลต่อร่างกายคุณแม่เท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสภาพจิตใจด้วย แพทย์อาจแนะนำให้พูดคุยกับจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาเพื่อรับมือกับปัญหาสุขภาพดังกล่าว โดยเฉพาะในรายที่ต้องยุติการตั้งครรภ์


สงสัยว่าเป็นมะเร็งระหว่างตั้งครรภ์ ควรทำอย่างไร?

อย่างที่กล่าวมาว่าโรคมะเร็งระหว่างตั้งครรภ์พบได้น้อย อีกทั้งอาการบางอย่างของโรคมะเร็งบางชนิดและอาการคนท้องอาจดูคล้ายกัน เช่น ท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ และเต้านมมีลักษณะเปลี่ยนไป คุณแม่จึงอาจสับสนหรือเป็นกังวลได้ ดังนั้นหากไม่สบายควรไปปรึกษาแพทย์

หากคุณแม่ตรวจพบโรคมะเร็งระหว่างตั้งครรภ์และเป็นมะเร็งชนิดที่ไม่รุนแรง คุณแม่ควรเข้ารับการรักษาและทำตามคำแนะนำในการดูแลตนเองตามที่แพทย์แนะนำ โดยพยายามทำจิตใจให้สงบ เพราะภาวะอารมณ์ของคุณแม่ส่งผลต่อสุขภาพของลูกน้อยได้

ในปัจจุบัน แพทย์และนักวิทยาศาสตร์ยังไม่พบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดโรคมะเร็งระหว่างตั้งครรภ์ อีกทั้งการตั้งครรภ์และการเปลี่ยนแปลงของร่างกายจากการตั้งครรภ์ไม่ได้ส่งผลให้เกิดโรคมะเร็งโดยตรง ด้วยเหตุนี้โรคมะเร็งระหว่างตั้งครรภ์จึงอาจเกิดจากสาเหตุและปัจจัยอื่น เช่น พันธุกรรม อาหารการกิน การใช้ชีวิต ดังนั้นควรหมั่นดูแลรักษาสุขภาพให้ดีอยู่เสมอเพื่อลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง สุดท้ายนี้หากพบความผิดปกติระหว่างตั้งครรภ์ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาอย่างถูกต้อง

5
มอเตอร์ไซด์ใหม่ 2024 บีเอ็มดับเบิลยู BMW F 900 GS Trophy ปี 2024
665,000 บาท 

บีเอ็มดับเบิลยู BMW F 900 GS Trophy ปี 2024
BMW F 900 GS Trophhy เครื่องยนต์ที่ได้รับการอัพเกรดเป็น 2 สูบแถวเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาด 895 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 77 กิโลวัตต์ / 105 แรงม้า ที่ 8,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 93 นิวตันเมตร ที่ 6,750 รอบต่อนาที เครื่องยนต์นี้ส่งมอบอัตราเร่งที่รวดเร็วและการส่งกำลังที่เหมาะสมที่สุดสำหรับทุกสภาพพื้นผิว และด้วยน้ำหนักที่ลดลงไปถึง 14 กิโลกรัมหากเทียบกับรุ่นก่อน ทำให้ F 900 GS เป็นหนึ่งในรถมอเตอร์ไซค์ GS สปอร์ตที่คล่องตัวที่สุด มากับสีขาวตัดฟ้า Lightwhite / Racing Blue Metallic

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์             BMW
   รุ่น                  บีเอ็มดับเบิลยู BMW F 900 GS Trophy ปี 2024
   ประเภทรถ         Adventure Bigbike
   ปีที่เปิดตัว           2024
   ราคา              665,000 บาท

สเปค
   รูปแบบเกียร์               เกียร์ธรรมดา
   ระบบเกียร์                 6 เกียร์
   รายละเอียดเครื่องยนต์    2 สูบ , 2 วาล์ว/สูบ DOHC 105 แรงม้า และแรงบิด 93 นิวตันเมตร
   ระบบระบายความร้อน     น้ำ
   ระบบสตาร์ท               สตาร์ทไฟฟ้า (มือ)
   ขนาดเครื่องยนต์ (CC)   895 CC
   แบบเครื่องยนต์            4 จังหวะ
   ระบบจุดระเบิด             Electronic
   ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง    เบนซิน 91, แก๊สโซฮอล์ 95 (E10), แก๊สโซฮอล์ 91, เบนซิน 95
   ระบบจ่ายน้ำมัน             หัวฉีด (อิเล็กทรอนิกส์)
   ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)    14.5 ลิตร
   ระบบกันสะเทือน           ล้อหน้า โช้คหัวกลับขนาด 43 มม.สามารถตั้งค่า spring pre-load, rebound และ compression, ล้อหลัง สวิงอาร์มอลูมิเนียม Central spring strut สามารถตั้งค่า spring pre-load hydraulically และ rebound damping
   ระบบเบรค                   ล้อหน้า ดิสก์เบรก (ดิสก์เบรกคู่แบบ Floating ขนาด 305 มม. คาลิปเปอร์ 2 ลูกสูบ ระบบ ABS:BMW Motorrad ABS PRO), ล้อหลัง ดิสก์เบรก (ดิสก์เบรคเดี่ยว ขนาด 265 มม. คาลิปเปอร์ 1 ลูกสูบ ระบบ ABS:BMW Motorrad ABS PRO)
   แบบวงล้อ                   ซี่ลวด
   ขนาดยาง                    ล้อหน้า 90/90-21, ล้อหลัง 150/70 R17
   ขนาด (ยาวxกว้างxสูง มม.)    2,270 x 943 x 1,393
   น้ำหนักตัวรถ                      219.00 กก.

6
บริการทำความสะอาด: เคล็ด(ไม่)ลับ คืนความหอมให้ห้องน้ำ

ห้องน้ำเป็นอีกหนึ่งห้องที่มักจะมีปัญหาเรื่องกลิ่นอับและกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ง่ายมาก ไม่ว่าจะมาจากการใช้งานที่โดนทั้งความชื้น โดนทั้งคราบไคลต่างๆ ซึ่งเป็นต้นตอของกลิ่นอันไม่พึงประสงค์  ดังนั้น การทำความสะอาดห้องน้ำนั้น ถือเป็นงานบ้านอันดับแรก ๆ ที่เหล่าแม่บ้านหนักใจมาก เพราะเป็นงานที่ต้องออกแรง แถมยังต้องทนกับกลิ่นเหม็นภายในห้องน้ำอีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้น การทำความสะอาดห้องน้ำ ก็ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี เพราะเป็นจุดที่เราจะต้องใช้งานทุกวัน ไม่ว่าจะใช้ล้างหน้า แปรงฟัน หรืออาบน้ำ ย่อมทิ้งคราบสกปรกไว้เสมอ

ดังนั้น เราควรต้องใส่ใจในเรื่องของความสะอาดให้มาก เพื่อให้คนในบ้านได้มีสุขภาพอานามัยที่ดี และเพื่อให้บ้านดูมีบรรยากาศที่น่าอยู่อาศัยมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การทำความสะอาดห้องน้ำแม้ว่าจะเป็นงานบ้านที่หนัก แต่เราก็ต้องแลกกับการมีห้องน้ำที่สะอาด ใช้งานได้อย่างปลอดภัย เพราะถ้าหากมีคราบสกปรกมากเกินไป อาจจะทำให้พื้นลื่นจนเกิดอุบัติเหตุได้ สำหรับเรื่องของกลิ่นเหม็นในห้องน้ำ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำลายบรรยากาศภายในบ้านได้เช่นกัน ดังนั้น การกำจัดกลิ่นเหม็นในห้องน้ำ ก็เป็นหน้าที่ของแม่บ้านที่จะต้องคอยดูแลเอาใจใส่ให้มากขึ้น ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงเคล็ดลับที่ช่วยคืนความหอมให้กับห้องน้ำในบ้านของเรา ให้กลับมามีกลิ่นหอมน่าใช้งาน ด้วยวิธีที่ง่ายและไม่เปลืองแรงด้วย

สำหรับการคืนความหอมให้กับห้องน้ำด้วยการใช้ดอกไม้แห้งหยดน้ำมันหอมดับกลิ่น สำหรับวิธีนี้เหมือนทำบุหงาแห้งแบบไทยๆ แต่ง่ายกว่า ด้วยการนำกลีบดอกไม้สดไปตากจนแห้งสนิทแล้ว พรมด้วยน้ำมันหอมระเหยสกัดกลิ่นที่ชอบ เช่น ส้ม ลาเวนเดอร์ กุหลาบ จากนั้นนำไปใส่โถแก้วหรือทำเป็น ถุงแขวนใส่ถุงโปร่งๆ แขวนในห้องน้ำ ถ้าไม่มีดอกไม้แห้งก็เปลี่ยนไปใช้เครื่องเทศแห้งอย่างกานพลูหรือ อบเชยได้เช่นกัน หรือจะให้ง่ายกว่านั้นก็ลองหยดน้ำมันหอมลงในแกนกระดาษทิชชูให้ทั่ว ไม่ต้องถึงกับเปียก ทุกครั้งที่ดึงกระดาษใช้จะมีกลิ่นหอมๆ ลอยออกมา ทั้งยังสามารถเติมบ่อยๆ ได้ด้วย

หรือต่อมาใช้วิธีดังกลิ่นด้วยเทียนหอมเพิ่มกลิ่นสุนทรี โดยหลังใช้ห้องน้ำเสร็จจะจุดไม้ขีดไฟเพื่อให้ควันจากการเผาไหม้ไม้ขีด กลบกลิ่นไม่พึงประสงค์ แต่กลิ่นและควันของฟอสฟอรัสแดงที่หัวไม้ขีดก็ไม่ดีต่อสุขภาพนัก ในยุคนี้มี ทางเลือกอื่นๆ ที่ปลอดภัยกว่า อย่างเช่น เทียนหอมที่ทำจากขี้ผึ้ง กากถั่วเหลือง ตระไคร้หอม นำมาผสม น้ำมันหอมระเหย การใช้งานก็สะดวก อาจจุดเอาไว้พร้อมกับตอนใช้งานห้องน้ำหรือจุดทิ้งไว้ในห้องน้ำ ประมาณ 5 นาทีแล้วดับ จากนั้นปิดประตูห้องน้ำให้ควันของเทียนลอยอวลอยู่ภายใน แล้วค่อยเปิดประตู ห้องน้ำเพื่อระบายควัน เพียงเท่านี้กลิ่นเหม็นก็จะลดลงอย่างรวดเร็วอีกด้วย หรือจะใช้วิธีการใช้มะกรูดฝาน ซึ่งได้รับความนิยมมาก หากใครเคยเข้าห้องน้ำสาธารณะบ่อยๆ จะต้องเคยเห็นมะกรูดถูกวางไว้ในห้องน้ำ ซึ่งมะกรูดเป็น สมุนไพรไทยที่มีน้ำมันหอมระเหยและไม่เป็นอันตราย เหมาะสำหรับใช้งานในห้องน้ำที่ไม่ได้มีกลิ่นเหม็น รุนแรงมากนัก วิธีใช้ก็ง่ายมากเพียงนำมะกรูดมาหั่นครึ่งหรือหั่นเป็นแว่น

จากนั้นนำไปวางไว้ตามจุดต่างๆ เพียงเท่านี้ก็ช่วยกลบกลิ่นเหม็นในห้องน้ำลงได้ และเปลือกของมะกรูดที่มีน้ำมันหอมระเหยยังช่วยเพิ่ม ความรู้สึกสดชื่นเมื่อสูดดมด้วย นอกจากนี้ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่ง่ายมาก เพียงเติมน้ำส้มสายชูลงในถังพักน้ำชักโครก ถือว่า เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ง่ายมากในการทำความสะอาดโถชักโครกแบบไม่เปลืองแรงขัดและประหยัดเวลาอีกด้วย โดยการใช้ทางลัดจากน้ำส้มสายชูสารพัดประโยชน์ ประมาณ 1 ถ้วย เทลงไปในถังพักน้ำชักโครก แล้วกดน้ำล้างทิ้งประมาณ 2-3 ครั้ง กลิ่นไม่พึงประสงค์ในโถชักโครกที่มีจะลดหายไปได้ เหมาะกับช่วงเวลาเร่งรีบที่ต้องรับแขกแบบไม่ทันตั้งตัวมากๆ ทั้งหมดนี้ก็เป็นเคล็ด(ไม่)ลับ เล็กๆน้อยๆที่ทางเรามาแนะนำให้ลองทำกันเพื่อแก้ไขปัญหากลิ่นเหม็นในห้องน้ำได้อย่างได้ผล

ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ สุขภาพของคนในบ้าน เราจึงต้องรักษาความสะอาด และกำจัดเชื้อโรคเพื่อป้องกันไม่ให้เราเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ  ทางเรามีบริการทำความสะอาด เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมให้สะอาด สะดวก และถูกสุขลักษณะ มีบริการทำความสะอาดห้องต่างๆ เป็นการดูแลสุขภาพของคนในบ้าน เพื่อให้สร้างบรรยากาศภายในบ้านที่ดี เพื่อให้คนในบ้านได้อยู่อย่างมีความสุขและดีต่อสุขภาพด้วย



7
จัดฟันบางนา: สุขภาพช่องปากของเด็ก ที่ไม่ควรมองข้าม

สุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ควรมองข้าม ซึ่งปกติแล้วเด็กจะมีฟันน้ำนมซี่แรก เมื่อเด็กอายุประมาณ 6 เดือน และซี่อื่นๆก็จะขึ้นตามมา สำหรับเด็กถ้าเป็นโรคภายในช่องปากจะมีผลกระทบกระเทือนต่อระบบโภชนาการของเด็ก เพราะฉะนั้นเด็กจึงควรได้รับการดูแลเอาใจใส่สุขภาพช่องปากและฟันที่เหมาะสม พ่อแม่ผู้ปกครองหลายท่านอาจจะสอนให้เด็กได้ดูแลสุขภาพช่องปากด้วยตัวเอง โดยสอนให้ลูกรู้จักการแปรงฟันที่ถูกต้อง ควรรับประทานอาหารครบทั้ง 5 หมู่

นอกจากจะได้คุณค่าต่อร่างกายแล้วยังช่วยให้ฟันทำหน้าที่บดเคี้ยวอาหารได้เต็มที่ กระตุ้นให้ขากรรไกรและใบหน้าเจริญสมบูรณ์ พยายามให้เด็กดื่มนมสดเป็นประจำเพราะมีประโยชน์ต่อร่างกายและเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและฟันด้วย และต้องสอนให้รู้จักหลีกเลี่ยงอาหารประเภทแป้งและน้ำตาลซึ่งจะสร้างกรดแบคทีเรียที่จะทำให้เกิดฟันผุ ที่สำคัญที่สุด พ่อแม่ผู้ปกครองควรพาบุตรหลานของท่านไปพบท่านแพทย์ เพื่อรับการตรวจอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยทุกๆ 6 เดือน เพื่อสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีสำหรับวันนี้ทางคลินิกจะมาพูดถึงสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กที่พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ควรมองข้าม เพราะถือว่าเป็นการปลูกฝังให้เด็กรู้จักดูแลสุขภาพช่องปากและฟันตั้งแต่เด็กๆ เพื่อให้เขาได้มีสุขภาพฟันที่แข็งแรงไม่เกิดปัญหาตามมาในอนาคต

สำหรับการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กนั้น ควรเริ่มดูแลตั้งแต่แรกเกิดและไม่จำเป็นต้องรอให้ฟันน้ำนมซี่แรกขึ้นก่อน ดังนั้นพ่อแม่ ผู้ปกครองควรพาบุตรหลานของท่านไปพบกับทันตแพทย์เพื่อทำการตรวจสุขภาพช่องปากและฟันอย่างสม่ำเสมอ พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องหมั่นช่วยดูแลสุขภาพฟันและสอนวิธีการแปรงฟันที่ถูกต้องควบคู่ไปด้วย สำหรับเด็กในอายุ6 เดือน-1 ขวบ เด็กในวัยนี้พ่อแม่ผู้ปกครองควรพาบุตรหลานไปพบทันตแพทย์เมื่อมีฟันน้ำนมซี่แรกขึ้นหรืออายุประมาณ 1 ขวบ สำหรับเด็กเล็กถึงเด็กเริ่มเข้าโรงเรียน หลังจากที่เด็กได้รับการตรวจสุขภาพฟันครั้งแรกแล้วผู้ปกครอง ควรพาลูกไปตรวจสุขภาพฟันครั้งทุกๆ 6 เดือน หากทันตแพทย์พอจารณาว่าสุขภาพช่องปากในฟันของเด็กมีปัญหาหรือเกิดฟันผุ ทันตแพทย์ก็จะทำการนัดให้เด็กมาตรวจสุขภาพฟันบ่อยขึ้น สำหรับการที่จะพบทันตแพทย์ในครั้งแรกนั้นการพาเด็กไปพบทันตแพทย์ทั่วไปหรือทันตแพทย์สำหรับเด็กมีความแตกต่างกันคือ เด็กอาจจะรู้สึกสบายใจ เพลิดเพลินไปกับสีสันและสิ่งแวดล้อมในห้องตรวจสำหรับเด็กมากกว่าของทันตแพทย์ทั่วไป

ดังนั้นพ่อแม่ผู้ปกครองควรจะพิจารณาทางเลือกให้เหมาะสมกับลูก ก่อนทำการนัดหมายเพื่อเป็นการปลูกฝังเด็กไม่กลัว หรือกังวล กับการที่จะต้องไปพบกับทันตแพทย์ สำหรับการเตรียมความพร้อมและการปลูกฝังให้เด็กก่อนที่จะพาไปพบกับทันตแพทย์ สามารถช่วยให้เด็กเกิดความคุ้นเคยและไม่กลัว เมื่อต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพฟัน โดยจะมีการกำหนดเวลา โดยควรเลือกช่วงเวลาและวันที่เหมาะสม ควรสร้างทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพช่องปากและฟัน เพื่อให้เด็กรู้ว่าการตรวจสุขภาพฟันนั้นจะช่วยให้เด็กมีสุขภาพฟันที่ดีและแข็งแรงขึ้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรรับฟังเพราะเปิดโอกาสให้เด็กบอกเล่าถึงความรู้สึกต่อการรักษาฟัน เพื่อไม่ให้เด็กเกิดอาการกลัวเมื่อต้องพบกับทันตแพทย์ ส่วนใหญ่ผู้ปกครองหลายคนละเลยหรือมองข้ามเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กเพราะคิดว่าฟันน้ำนมจะหลุดเองและไม่ต้องให้ความสำคัญมากนัก ซึ่งถือว่าเป็นความเข้าใจที่ผิดมากเพราะนอกจาก เป็นการปลูกฝังความคิดที่ผิดแล้ว ยังจะทำให้เด็กไม่กล้าพบกับทันตแพทย์

เราจะมาพูดถึงว่า ทำไมพ่อแม่ผู้ปกครอง ควรที่จะใส่ใจดูแลรักสาสุขภาพช่องปากและฟันของบุตรหลานของท่าน ต้องบอกก่อนว่าสุขภาพช่องปากและฟันเป็นส่วนหนึ่งของความงามที่สามารถสร้างความประทับใจได้เมื่อแรกเห็นได้ เชื่อว่าเด็กๆ จะมีความมั่นใจและภูมิใจในตัวเอง หากได้รับคำชม นอกจากนี้เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ก็จะทำให้รู้สึกมีความมั่นใจสามารถพบปะผู้คนได้อย่างเต็มที่และไม่ทำให้เสียบุคลิกภาพด้วย นอกจากนี้สุขภาพช่องปากและฟันยังมีผลต่อสุขภาพด้านอื่นด้วย เนื่องจากเราต้องใช้ฟันในการบดเคี้ยวอาหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่จะเข้าไปช่วยบำรุงรักษาและเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกายเราถ้าหากเรามีสุขภาพช่องปากและฟันที่ไม่ดีใช้ฟันบดเคี้ยวอาหารได้ไม่ละเอียดก็อาจจะส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหารได้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพร่างกาย

นอกจากนี้ในเรื่องของการออกเสียงการพูด เพราะว่าเด็กมีจำนวนไม่น้อยที่พูดไม่ชัดเนื่องจากปัญหาของสุขภาพช่องปากฟันถ้าไม่มีฟันหน้า เด็กจะไม่สามารถพูด ออกเสียง ได้ถูกต้อง ซึ่งเป็นปัญหาที่มักจะเกิดขึ้นกับวัยเด็ก เพราะฉะนั้นสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีของเด็ก จึงถือว่ามีความสำคัญมากและไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างยิ่ง เพราะถ้าเด็กในวัยนี้ มีการเกิดโรคภายในช่องปากก็จะมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตพัฒนาการของเด็กอีกด้วยอย่างไรก็ตามพ่อแม่ผู้ปกครองควรหมั่นดูแลปลูกฝังให้เขาดูแลสุขภาพช่องปากและฟันให้สะอาดอยู่เสมอ ทั้งนี้หากผู้ปกครองท่านใดสนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการตรวจช่องปากและฟันประจำปี สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำจากทางคลินิกได้ ทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ เกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก จึงทำให้มั่นใจได้ว่าบุตรหลานของท่าน จะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน

8
ชุดปฏิบัติธรรม ชุดแม่ชี เราเป็น โรงงานผลิตโดยตรง
ตัดเย็บปราณีต ทรงสวย เรียบหรู ดูสง่างดงาม
ผลิตจาก ผ้าฝ้ายแท้ 100% เกรดพรีเมียม

ชุดปฏิบัติธรรม ชุดขาวไปวัด ชุดแม่ชี
– ราคาแยกรายชิ้น –
ทอย้อมจากโรงงานอุตสาหกรรมชั้นดี
พร้อมส่งทุกไซส์
(กรณีสั่งตัดไซส์พิเศษ รอผลิต 7-10 วัน)
จัดส่งฟรี‼ เมื่อลูกค้าโอนชำระ
มีบริการเก็บเงินปลายทาง (+ตัวละ 10.-)

รับตัดชุดขาวไซส์ใหญ่พิเศษ
หมดกังวล หาไซส์ไม่ได้ ทางร้านเป็นโรงงานผลิตโดยตรง
สามารถสั่งตัดชุดได้ตามความต้องการ รอผลิต 7-10 วันทำการ

ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ

สัมผัสประสบการณ์ใหม่
จากผ้าฝ้ายแท้ 100%
 นุ่มสบาย ไม่ร้อน ไม่ระคายคือง
ใส่ใจทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การคัดสรรเนื้อผ้า
การตัดเย็บ รวมไปถึงการจัดส่งแบบปกติ
และจัดส่งเร่งด่วน (Kerry EMS Grab)

ชุดขาวปฎิบัติธรรม ชุดขาวหญิง ชุดแม่ชี คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด

ชุดปฎิบัติธรรมชาย คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด

ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ


9
ดอกบัวอบแห้ง: 4 วิธีทำดอกไม้แห้งน่ารักง่ายๆ คิวท์ไม่ไหวจนใจบาง

มาทำดอกไม้แห้งกันเถอะ!! วันนี้นำไอเดียแสนน่ารักมาฝาก กับวิธีทำดอกไม้แห้งน่ารักๆ ฉบับญี่ปุ่น นิยมมอบให้เป็นของขวัญแก่คนพิเศษ หรือนำไปตกแต่งบ้าน ห้องรับแขก ห้องครัว ห้องนั่งเล่น ใส่แจกันสวยๆ หรือวางเป็นพร็อพ เพื่อเพิ่มบรรยากาศความอบอุ่นน่ารักสไตล์วินเทจได้ ซึ่งวิธีทำดอกไม้แห้งที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ เหมาะสำหรับมือใหม่และใครก็ตามที่ชื่นชอบดอกไม้ ไปดูกันว่าก่อนจะเริ่มทำดอกไม้แห้งต้องเตรียมอะไรบ้าง

เลือกดอกไม้สำหรับทำดอกไม้แห้งอย่างไร

สำหรับคนที่อยากทำดอกไม้เองที่บ้าน ควรเลือกดอกที่ยังไม่บานเต็มที่ แนะนำให้ใช้เป็นดอกตูมหรือใกล้บานได้ เพราะระหว่างขั้นตอนทำให้แห้งนั้น เจ้าดอกไม้จะบานออกมาเล็กน้อย ทำให้ถ้าใช้ดอกไม้บานแล้วกลีบอาจหลุดร่วงออกมาได้ง่าย อย่างไรก็ตามการทำดอกไม้แห้งแต่ละครั้ง สภาพอากาศในบ้านต้องเอื้ออำนวยพอสมควร หากบริเวณดังกล่าวมีความชื้นสูงเกินไป อาจเกิดเชื้อรากับดอกไม้ได้ง่ายๆ รวมถึงแสงแดดต้องไม่แรงจัด เพราะจะทำให้ดอกไม้เฉา แห้งเหี่ยว ไม่สวยงาม

ซึ่งดอกไม้ที่ง่ายต่อการทำเป็นดอกไม้แห้ง คือ ดอกไม้ที่มีปริมาณน้ำต่ำและสีค่อนข้างสวยสด เช่น ดอกกุหลาบ ไฮเดรนเยีย ยิปโซ และสแตติส ส่วนดอกไม้ที่แนะนำให้เลี่ยง คือ ดอกที่มีน้ำมาก เพราะจะดูดซับน้ำเก็บไว้ในดอกสูง ทำให้แห้งได้ยาก เช่น ดอกทานตะวัน ทิวลิป ลิลลี่ เบญจมาศ และซากุระ

ทำดอกไม้แห้งได้ที่ไหนบ้าง

สถานที่ที่แนะนำสำหรับการทำดอกไม้แห้งนั้น ควรอยู่ในบริเวณที่ปลอดโปร่ง อากาศถ่ายเทสะดวก อาจเป็นในร่มอย่างห้องนั่งเล่น แต่แสงแดดต้องส่องไม่โดนโดยตรง และในห้องนั้นอุณหภูมิต้องไม่ร้อนจัดจนเกินไป รวมถึงดูเรื่องความชื้นด้วย ยิ่งครบตามเงื่อนไขเท่าไหร่ ดอกไม้แห้งที่เราได้ก็จะออกมาดูดีเท่านั้น ส่วนสถานที่ที่ไม่แนะนำเลยสำหรับการทำดอกไม้แห้ง คือ ห้องครัวกับห้องน้ำ เพราะมีความชื้นสูง อาจเกิดเชื้อราขึ้นกับดอกไม้ได้ ยิ่งมีความชื้นมากเท่าไหร่ ดอกไม้ก็จะยิ่งแห้งช้านั่นเอง


1. วิธีทำดอกไม้แห้งด้วยการแขวน

วิธีนี้ค่อนข้างง่าย อุปกรณ์ไม่เยอะ ทำได้โดยห้อยดอกไม้ลงมาจากที่สูง โดยยึดกับเชือกหรือตัวหนีบไว้ ข้อดีคือรูปร่างของดอกไม้จะมีความสวยงามและเป็นธรรมชาติ ส่วนข้อเสียคือสีของเค้าจะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ หากช่วงนั้นมีความชื้นสูง สีดอกไม้ก็จะออกมาค่อนข้างหมองคล้ำ แต่บางคนโดยเฉพาะเหล่าแม่บ้านก็นิยมใช้วิธีแขวนดอกไม้กับพืชสมุนไพรเช่นกัน เป็นพร็อพวินเทจตกแต่งในครัวแถมยังนำมาปรุงอาหารได้อีกด้วย ดูเก๋ไปอีกแบบ

วิธีทำ

    เลือกดอกไม้สำหรับใช้แขวน แนะนำว่าให้แขวนดอกไม้ทีละดอก
    หากใช้ดอกไม้ที่อยู่ในแจกัน ให้ตัดส่วนที่แช่น้ำออก และแต่งใบก่อนนำไปแขวน
    จากนั้นมัดดอกไม้ด้วยเชือกลินิน และแขวนไว้บริเวณที่แสงแดดส่องไม่ถึงโดยตรง
    ดอกไม้จะแห้งในเวลาประมาณ 1 ถึง 2 สัปดาห์


2. วิธีทำดอกไม้ให้แห้งโดยแช่กิ่งไว้ในน้ำ

ต่อมาคือการทำให้แห้งโดยใช้น้ำ โดยตัดส่วนใบ แต่งก้านดอกไม้และนำไปแช่ในน้ำ เหลือส่วนดอกไว้ เป็นอีกวิธีที่ปล่อยให้ดอกไม้แห้งแบบธรรมชาติ มักนิยมทำกับดอกกุหลาบหรือก้านใบไม้ต่างๆ ข้อดีคือระหว่างที่ดอกไม้กำลังค่อยๆ แห้งในขวดแก้วหรือแจกัน เราจะได้ชมความสวยงามของเค้าไปด้วย แต่ข้อเสียคือตัวดอกไม้จะห้อยลงมาง่าย ต้องหาที่ดามไว้ให้รับน้ำหนักได้

วิธีทำ

    เทน้ำในแจกันประมาณ 1-5 ซม.
    วางแจกันไว้ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
    ปักดอกไม้สดหรือก้านใบไม้สดที่เราเตรียมไว้ลงไป
    รอให้น้ำระเหยออก โดยไม่ต้องเติมน้ำเพิ่ม
    รอเวลาให้ดอกไม้แห้งพร้อมๆ กัน 1-2 สัปดาห์


3. วิธีทำดอกไม้แห้งด้วยซิลิก้าเจล

ซิลิก้าเจล (Silica Gel) เป็นสารดูดความชื้นที่ช่วยให้ดอกไม้แห้งของเรานั้นมีสีสด และแห้งได้รวดเร็วขึ้น ขั้นตอนนี้มักใช้ส่วนดอกในการ DIY โดยตัดก้านของเค้าให้สั้น จึงไม่เหมาะต่อการนำไปตกแต่งเป็นช่อหรือใส่แจกันประดับ ข้อดีของวิธีทำดอกไม้แห้งด้วยซิลิก้าเจลคือสามารถคงลักษณะของดอกไม้เดิมไว้ได้ กลีบสมบูรณ์กว่าวิธีอื่น

วิธีทำ

    ตัดดอกไม้โดยเว้นระยะห่างจากกิ่งประมาณ 2 เซนติเมตร
    สวมถุงมือยางระหว่างทำ กระจายซิลิกาเจลประมาณ 1 เซนติเมตรในภาชนะปิด เช่น ขวดแก้วหรือโหลพลาสติก
    จากนั้นจึงวางดอกไม้ลงไป
    ค่อยๆ โรยซิลิก้าเจลที่เหลือลงบนดอกไม้ โดยใช้ช้อนเกลี่ยๆ ให้เข้ากัน ระวังกลีบช้ำ
    ปิดฝาภาชนะให้สนิท แล้วทิ้งไว้ประมาณ 1 สัปดาห์


4. วิธีทับดอกไม้ลงบนหนังสือ

วิธีทำดอกไม้แห้งขั้นพื้นฐาน ที่ไม่ว่าใครก็ทำได้ และเราคงคุ้นเคยมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ ที่นำดอกไม้หรือใบไม้ชนิดต่างๆ มาสะสมทับในหนังสือ ข้อแนะนำคือไม่ควรใช้ดอกไม้ที่มีน้ำในดอกเยอะเกินไป เพราะระหว่างทับจะทำให้กระดาษเสีย ดีไม่ดีอาจขึ้นราได้นะ อีกข้อจำกัดหนึ่งของการทับดอกไม้แห้งลงบนหนังสือคือใช้ดอกไม้ใหญ่ๆ ไม่ได้เพราะพื้นที่น้อยเกินไป แต่การทับดอกไม้ก็มีข้อดี เช่น นำไปประดับตกแต่งการ์ดได้ สีสันดอกไม้น่ารัก และเก็บรักษาได้นาน

วิธีทำ

    เลือกดอกไม้ใบไม้ ที่ไม่อิ่มน้ำ (ดอกไม้ใบไม้ที่ไม่กักเก็บน้ำไว้)
    เตรียมหนังสือ แนะนำเป็นเล่มหนาๆ มาใช้ในการทับดอกไม้
    นำดอกไม้ที่เตรียมไว้แล้ววางลงไป พยายามอย่าใช้จำนวนเยอะเกิน
    พับปิดหนังสือให้สนิท และรอเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์

ก็จบกันไปแล้วสำหรับการทำดอกไม้แห้งที่บ้านด้วยตนเอง ใครที่สนใจวิธีการทำดอกไม้แห้งอยู่ละก็ อย่าลืมนำเทคนิคที่เราแชร์ทั้ง 4 แบบไปใช้ดูนะคะ ชอบสไตล์ไหนลองทำสไตล์นั้นดูได้เลย หรือหากใครจะลองหลายแบบก็ไม่ว่ากัน เมื่อทำเสร็จแล้วเราก็สามารถเก็บไว้เป็นความทรงจำ นำไปตกแต่งประดับห้องต่างๆ หรือมอบเป็นของขวัญสุดน่ารักแก่คนพิเศษก็ได้

10
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


11
Chery จับมือ KGEN ตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า OMODA & JAECOO ปฏิวัติวงการยานยนต์ไทยหนุนส่งออกทั่วโลก

เชอรี่ อินเตอร์เนชั่นแนล ค่ายรถยักษ์ใหญ่ของจีน บริษัทแม่ของ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จับมือ บริษัท คิงเจน จำกัด (มหาชน) สร้างความสำเร็จครั้งสำคัญในอุตสาหกรรมยานยนต์ ร่วมทุนสร้างโรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่ในไทย เพื่อผลิตรถยนต์ OMODA และ JAECOO ด้วยมูลค่าลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท โดยจะมีกำลังการผลิตในเฟสแรก 50,000 คันต่อปี และภายในปี 2571 จะขยายเป็น 80,000 คันต่อปี พร้อมลุยตลาดในประเทศและส่งออกทั่วโลก หวังผลักดันไทยขึ้นแท่นฮับ EV ของภูมิภาค ขณะที่ KGEN ประกาศพร้อมก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการผลิตรถยนต์ EV สนองความต้องการตลาดทั้งในประเทศและระดับโลก โดยทั้ง 2 บริษัท ได้จัดพิธีลงนามสัญญาร่วมลงทุน (Joint Venture) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
 
ซึ่งในงานยังได้รับเกียรติจาก นางสาวศุภมาศ อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมเป็นประธานเปิดงานและร่วมเป็นสักขีพยานว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิต EV ระดับโลก KGEN เป็นบริษัทมหาชนรายแรกของไทย ที่ได้เข้าร่วมลงทุนในโรงงานผลิตรถยนต์ระดับโลก
 
นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ในฐานะคณะกรรมการนโยบายยานยนต์พลังงานไฟฟ้าแห่งชาติ หรือ บอร์ดอีวี กล่าวว่าการร่วมลงทุนในครั้งนี้จะส่งผลให้คนไทยและประเทศไทยได้รับประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม จากการจ้างงาน การถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตและการพัฒนาศักยภาพของบุคลากร ตลอดจนการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า สำหรับ Chery ถือเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศจีนที่เชื่อมั่นนโยบายการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลไทย และตัดสินใจเข้ามาลงทุนโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ขอยืนยันว่ารัฐบาลไทย และ อว. พร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เชื่อมั่นว่าตลาดยานยนต์ของไทยมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง
 
นายเฉิน ชุนชิง (Mr.Chen Chunqing) รองประธาน เชอรี่ อินเตอร์เนชันแนล กล่าวว่า Chery มีประสบการณ์ด้านยานยนต์ระดับโลกมากว่า 27 ปี ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไปกว่า 80 ประเทศทั่วโลก มีโรงงานในต่างประเทศกว่า 10 แห่ง พร้อมผู้แทนจำหน่ายและศูนย์บริการมากกว่า 1,500 แห่ง รวมถึงมีศูนย์วิจัยและพัฒนาทุกภูมิภาคทั่วโลก ขึ้นแท่นเป็นผู้ส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลรายใหญ่ที่สุดของจีนติดต่อกันมาถึง 22 ปี   และเป็นแบรนด์รถยนต์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ด้วยศักยภาพและการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่ง ประกอบกับความเชื่อมั่นในนโยบายการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลไทย Chery จึงตัดสินใจเข้ามาลงทุนโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย การจับมือกับ KGEN  ในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ด้วยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของ KGEN ที่แข็งแกร่ง จะช่วยตอกย้ำจุดยืนให้กับ Chery ในตลาดประเทศไทย และสร้างความเชื่อมั่นว่ารถยนต์ OMODA และ JAECOO ได้มาตรฐานสูงสุดระดับสากล พร้อมช่วยยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่มาตรฐานระดับสากลอีกด้วย

 
ขณะที่ นายฉี เจี๋ย (Mr.Qi Jie) ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่งและตั้งใจสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในประเทศไทย พร้อมไม่หยุดนิ่งที่จะเติมเต็มประสบการณ์ของผู้ขับขี่ให้รถยนต์เป็น “มากกว่ารถยนต์” และส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดแก่ผู้บริโภคชาวไทย การจับมือกับ KGEN เพื่อร่วมลงทุนสร้างโรงงานในครั้งนี้ จะเน้นผลิตรถไฟฟ้าทั้งแบบแบตเตอรี่และไฮบริด โดยเฟสแรกมีเป้าหมายการผลิตรถ JAECOO EV จำนวน 50,000 คัน ภายในปี 2568 และเฟสต่อมามีเป้าหมายผลิตรถ OMODA EV จำนวน 80,000 คัน ภายในปี 2571 สำหรับขายในประเทศ และส่งออกไปยังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง นอกจากนี้ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ได้สร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพการบริการหลังการขายของทั้งสองแบรนด์ ที่พร้อมให้บริการแก่ลูกค้าแบบครบวงจร ผ่านผู้จำหน่าย โอโมดา แอนด์ เจคู ทั่วประเทศทั้ง 23 แห่ง และจะขยายถึง 40 แห่งภายในปีนี้

 
นางสาวพรทิพย์ ตรงกิ่งตอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิงเจน จำกัด (มหาชน) หรือ KGEN กล่าวว่า การร่วมทุนในโรงงานผลิตรถยนต์ภายใต้ความร่วมมือกับ เชอรี่ อินเตอร์เนชันแนล ในครั้งนี้ทาง KGEN ถือหุ้น 60% ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการยานยนต์ไทย จากการลงทุนในอดีตที่บริษัทต่างชาติจะลงทุนเองทั้ง 100% ซึ่งเป็นการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของไทยจากการเป็นเพียงแหล่ง OME  โดยการลงทุนครั้งนี้มีมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท คาดว่าเฟสแรกจะสามารถเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2568 และจะขยายกำลังการผลิตในปี 2571

นอกจากการจำหน่ายในประเทศแล้ว บริษัทยังมีแผนที่จะส่งออกไปยังตลาดทั่วโลก โดยโรงงานแห่งนี้จะเป็นฐานการผลิตที่สำคัญในการส่งออก ที่สามารถรองรับการผลิตรถยนต์ทั้งพวงมาลัยขวาและพวงมาลัยซ้าย ซึ่ง โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ตั้งเป้าหมายมุ่งยกกระดับให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถพวงมาลัยขวาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกฉียงใต้ และการขยายตลาดส่งออกจะเป็นส่วนสำคัญในการดึงเม็ดเงินกลับเข้าสู่ประเทศตามเป้าหมายของรัฐบาล เชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับ KGEN และช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดยานยนต์ระดับโลก

12
ขายรถป้ายแดง Mitsubishi Triton Mega Cab LR 2.4 Active ปี2024 ราคาพิเศษ

มิตซูบิชิ Mitsubishi Triton Mega Cab LR 2.4 Active ปี 2023
MITSUBISHI TRITON Mega Cab LR 2.4 Active ตัวถังดีไซน์ใหม่! เมกาเฟรม (Mega Frame) ใหญ่ขึ้น และแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม เครื่องยนต์ 4N16 กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 330 นิวตันเมตร เทอร์โบ

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 1 พ.ย. - 31 ธ.ค. 2567
เงื่อนไข โปรโมชั่น ดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.59% ตลอดอายุสัญญา
วารันตี 2ปี

ราคาพิเศษ 484,000 บาท

สนใจสอบถามรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์                       Mitsubishi
   รุ่น                            มิตซูบิชิ Mitsubishi Triton Mega Cab LR 2.4 Active ปี 2023
   ประเภทรถ                   รถกระบะ 2 ประตู (แค็บ)
   ปีที่เปิดตัว                   2023


13
เอกสารและขั้นตอนการขอสินเชื่อรถแลกเงิน

การขอสินเชื่อรถแลกเงินแบ่งออกเป็นแบบโอนเล่ม และไม่โอนเล่ม มีขั้นตอนการขอที่คล้ายคลึงกัน ดังนี้

1.) แบบไม่โอนเล่ม

เอกสารที่ใช้

    เอกสารยืนยันตัวตน ได้แก่ สำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน
    เล่มทะเบียนรถและสำเนาทะเบียนรถยนต์
    สำเนาหน้าแรกของสมุดบัญชีธนาคาร สำหรับโอนเงินเข้าบัญชีเมื่อผ่านการอนุมัติ
    เอกสารแสดงรายได้ เช่น หนังสือรับรองเงินเดือน สลิปเงินเดือน การเดินบัญชี (Bank Statement) ย้อนหลัง 6 เดือน

*รายละเอียดเอกสารอาจแตกต่างกันไปตามการกำหนดของสถาบันการเงินหรือแหล่งเงินกู้


ขั้นตอนการขอสินเชื่อ

    ติดต่อแหล่งขอสินเชื่อรถแลกเงิน โดยสามารถติดต่อด้วยตนเองที่สาขาใกล้บ้าน พร้อมยื่นเอกสาร หรือติดต่อทางออนไลน์ แล้วรอเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ สำหรับการติดต่อออนไลน์มักจะมีบริการเมสเซนเจอร์รับส่งเอกสาร หรือมีบริการเดลิเวอรี่ที่เจ้าหน้าที่มาหาถึงที่ เพิ่มความสะดวกในการขอสินเชื่อ
    รอผลอนุมัติ และรับเงินเข้าบัญชี ระยะเวลาที่ใช้ในการอนุมัติและการโอนเงินเข้าบัญชีจะขึ้นอยู่กับสถาบันการเงิน หรือแหล่งขอสินเชื่อกำหนด

2.) แบบโอนเล่ม

การขอสินเชื่อรถยนต์แบบโอนเล่มมีเอกสารและขั้นตอนเหมือนการไม่โอนเล่มทุกประการ แต่มีความต่างที่สินเชื่อรถแลกเงินแบบโอนเล่มต้องมีการโอนรถให้เป็นของสถาบันการเงินหรือแหล่งเงินกู้ เมื่อผ่อนชำระค่างวดครบหมดแล้วถึงสามารถโอนรถคืนมาเป็นชื่อตนเองได้ โดยทางสถาบันการเงิน หรือแหล่งเงินกู้จะมีใบรับมอบอำนาจสำหรับทำเรื่องโอนรถคืน นำเอกสารไปยื่นที่กรมการขนส่งทางบกและติดต่อขอรับเล่มทะเบียนคืนก็เป็นอันเสร็จสิ้น

การขอสินเชื่อรถแลกเงินแบบไม่โอนเล่มมีความสะดวกกว่ามาก เพราะไม่ต้องทำธุรกรรมเกี่ยวกับการโอนรถด้วยตนเอง ผ่อนเสร็จรับเล่มทะเบียนคืนทันที คนจึงมักเลือกขอสินเชื่อจำนำเล่มทะเบียนแบบไม่โอนเล่มมากกว่า
เทคนิคการดูแลรถให้ขอสินเชื่อรถแลกเงินวงเงินสูง


รถที่สภาพดีมีโอกาสที่จะได้วงเงินสินเชื่อรถแลกเงินสูงขึ้น

ขึ้นชื่อว่าสินเชื่อรถแลกเงินหรือสินเชื่อจำนำทะเบียนรถก็ต้องมีรถที่พร้อมเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อ นอกจากรถจะต้องปลอดภาระแล้ว สภาพของรถและอายุการใช้งานของรถก็มีผลต่อวงเงินในการขอสินเชื่อด้วย เพื่อให้ได้วงเงินสูงจึงควรดูแลรถให้ดูดี สามารถทำได้ดังนี้

1.    ตรวจเช็คสภาพรถเป็นประจำ

การเช็คสภาพรถช่วยให้รู้เท่าทันหากรถเกิดปัญหา หรือจำเป็นต้องเปลี่ยนอะไหล่ ลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นขณะขับขี่ โดยปกติควรเช็คสภาพรถเมื่อต้องเดินทางไกล และเมื่อรถถึงระยะที่กำหนด การหมั่นเช็คระยะรถเป็นประจำยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกทางหนึ่งด้วย เพราะอะไหล่บางอย่างสามารถซ่อมแซมได้หากตรวจพบการชำรุดตั้งแต่เนิ่น ๆ แต่หากตรวจพบทีหลังอาจจะต้องเปลี่ยนใหม่ ซึ่งเสียค่าใช้จ่ายมากกว่า


2.    ดูแลรอยขีดข่วนและสีรถให้คงสภาพเดิม

รถที่ดูดีมักจะเป็นรถที่มีสภาพเหมือนรถใหม่ตลอดเวลา สิ่งที่ส่งผลให้รถดูใหม่ก็คือสีรถ ผู้ขับขี่ควรระมัดระวังในเรื่องของรอยขีดข่วนบนตัวถังรถ และควรหมั่นเคลือบสีรถใหม่ เพื่อให้สีรถติดทน เงางาม เหมือนรถใหม่อยู่ตลอดเวลา


3.    ทำความสะอาดรถเป็นประจำ

คราบฝุ่นและดินที่มาเกาะอยู่บนตัวรถ ทำให้รถดูหมอง ควรหมั่นทำความสะอาดรถเป็นประจำ และควรนำรถเข้าคาร์แคร์เพื่อทำความสะอาดรถแบบครบวงจรอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อทำความสะอาดรถให้หมดจดทั้งภายนอกและภายในตัวรถ


4.    หลีกเลี่ยงพฤติกรรมทำร้ายรถ

รถเป็นสิ่งที่สามารถเกิดความเสียหายได้หากได้รับการดูแลที่ไม่ดี เพื่อให้รถแข็งแรงและอยู่ในสภาพดี ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมทำร้ายรถ เช่น การจอดรถกลางแดด การขับรถลุยน้ำท่วม การขับรถติดต่อกันนานหลายชั่วโมงโดยไม่พักรถ การขับรถบนทางวิบากโดยไม่ระวัง พฤติกรรมเหล่านี้ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของรถจึงควรหลีกเลี่ยง


5.    เปลี่ยนยางรถยนต์เมื่อครบกำหนด

หลายคนละเลยการเปลี่ยนยางรถยนต์ เนื่องจากเห็นว่ายางที่ใช้อยู่ไม่มีปัญหาที่ต้องเปลี่ยน แต่แท้จริงแล้วยางรถยนต์มีอายุการใช้งานของตนเอง เมื่อครบกำหนดควรเปลี่ยนทันทีแม้จะไม่มีปัญหายางแตก ยางรั่ว หรือยางบวมก็ตาม คำแนะนำการเปลี่ยนยางขึ้นอยู่กับประเภทของยาง โดยอายุของยางรถยนต์ส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณ 3 – 5 ปี เมื่อครบกำหนดตามนี้แล้วควรเข้ารับการเปลี่ยนยางทันที


6.    จัดแต่งห้องโดยสารให้เป็นระเบียบ

เมื่อรถภายนอกดูดีแล้ว อย่าละเลยภายในห้องโดยสารรถยนต์เด็ดขาด ควรหมั่นเก็บขยะออกจากรถ ดูดฝุ่นบริเวณที่พักเท้า ฉีดสเปรย์ลดความอับในห้องโดยสาร บางคนอาจเลือกปลอกหุ้มเบาะรถยนต์มาสวมทับเบาะผ้าของรถยนต์ เพื่อลดการสะสมของฝุ่นและแบคทีเรียภายในรถ

การดูแลรถให้มีสภาพดีไม่เพียงแค่มีส่วนช่วยในการพิจารณาวงเงินสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ แต่ยังเป็นการเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ของตนเองด้วย รถที่ผ่านการตรวจเช็คสภาพเป็นประจำ มีการทำความสะอาดไม่เคยขาด ย่อมส่งผลดีต่อผู้ขับขี่เองด้วย


การเลือกแหล่งสินเชื่อรถแลกเงินที่น่าเชื่อถือ

การรู้จักเลือกแหล่งขอสินเชื่อ ช่วยให้ได้รับสินเชื่อที่ตนเองพอใจมากที่สุด

ปัจจุบันมีแหล่งขอสินเชื่อหลายแห่งออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อรถแลกเงินออกมา จนเกิดคำถามว่าเลือกขอสินเชื่อรถแลกเงินที่ไหนดี ถึงตอบสนองต่อความต้องการใช้เงินมากที่สุด ก่อนอื่นต้องรู้จักประเภทของแหล่งขอสินเชื่อ สามารถแบ่งออกอย่างกว้างได้ 2 ประเภท ได้แก่

1.) สถาบันทางการเงิน (Bank)

บทบาทของสถาบันทางการเงินจะเกี่ยวข้องกับการบริการทางการเงิน เช่น การรับฝาก-ถอนเงิน การให้สินเชื่อ การลงทุน การรับชำระเงิน และอื่น ๆ โดยการขอสินเชื่อกับธนาคารจะมีข้อดี ดังนี้

 -   สัญญาเป็นธรรม

สถาบันทางการเงินเป็นแหล่งเงินกู้ที่มีสัญญาเป็นธรรม ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการกู้ยืม หรือการขอสินเชื่อไว้อย่างชัดเจน ตรวจสอบได้


-    เป็นแหล่งเงินกู้ถูกกฎหมาย

ผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่ออกโดยธนาคารจะดำเนินการตามกฎหมาย อัตราดอกเบี้ยไม่เกินจากที่กฎหมายกำหนด ไม่มีการทวงหนี้โหด มั่นใจได้ในความปลอดภัย


-    มีความน่าเชื่อถือ

สถาบันทางการเงินมีความมั่นคงสูง และผ่านการดำเนินงานมาระยะเวลาหนึ่ง ทำให้มีความน่าเชื่อถือมาก มีผู้ให้ความไว้วางใจขอสินเชื่อป็นจำนวนมาก


2.) ไม่ใช่สถาบันทางการเงิน (Non-Bank)

ปัจจุบันแหล่งกู้สินเชื่อที่ไม่ใช่สถาบันทางการเงินเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น มีทั้งแบบที่ได้รับการรับรองจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และแบบผิดกฎหมายที่ไม่มีการรับรอง ก่อนขอสินเชื่อจึงควรพิจารณาให้ดี โดยข้อดีของแหล่งเงินกู้ Non-Bank ที่ผ่านการรับรอง ดังนี้

-    เข้าถึงกลุ่มคนหลากหลาย

แหล่งเงินกู้ Non-Bank เข้าถึงคนได้หลายระดับ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ผ่านคุณสมบัติของธนาคาร เช่น ไม่มีบัญชีกับธนาคาร เงินเดือนไม่ถึงเกณฑ์ ไม่มีสาขาธนาคารใกล้บ้าน แหล่งเงินกู้ Non-Bank จึงกลายเป็นอีกทางเลือกในการขอสินเชื่อ

-    อนุมัติง่าย

การกำหนดคุณสมบัติของผู้ที่ต้องการกู้สินเชื่อกับแหล่งเงินกู้ Non-Bank มีการระบุคุณสมบัติไว้ค่อนข้างน้อย ทำให้การผ่านคุณสมบัติเป็นไปได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น เน้นปล่อยเงินกู้กลุ่มลูกค้ารายรับน้อย ผู้ประกอบการรายย่อย


การเลือกแหล่งสินเชื่อที่น่าเชื่อถือ

สำหรับใครที่ต้องการเงินด่วนแล้วหวังใช้รถเป็นประกันเวลาขอสินเชื่อ แนะนำให้พิจารณาคุณสมบัติของแหล่งขอสินเชื่อให้ดีก่อนตัดสินใจ โดยมีวิธีการเลือกแหล่งขอสินเชื่อที่น่าเชื่อถือ ดังนี้

    เลือกแหล่งขอสินเชื่อถูกกฎหมาย

แหล่งเงินกู้ถูกกฎหมายหมายถึงแหล่งเงินกู้ที่ได้รับการรับรองจากธนาคารแห่งประเทศไทย และดำเนินการภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย ได้แก่ ธนาคาร และแหล่งเงินกู้ Non-Bank ที่ได้รับการรับรองจากธนาคารแห่งประเทศไทย หากต้องการทราบแหล่งเงินกู้ Non-Bank ที่ผ่านการรับรองสามารถค้นหาได้ในเว็บไซต์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ภายใต้หัวข้อ “BOT License Check”

    สอบถามรายละเอียดก่อนตัดสินใจ

ก่อนตัดสินใจขอสินเชื่อควรสอบถามรายละเอียด และประเด็นที่มีข้อสงสัยเสียก่อน เพื่อให้ได้รับความกระจ่างและเป็นตัวช่วยประกอบการตัดสินใจ

    หาข้อมูลหรือรีวิวประกอบ

การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันช่วยให้การหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจทำได้ง่ายขึ้น ควรอ่านรีวิวประกอบ เพื่อรับฟังประสบการณ์จากผู้ขอสินเชื่อจริง ช่วยให้เห็นมุมมองที่หลากหลายขึ้น เปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของแหล่งเงินกู้ได้มากขึ้น แต่ควรอ่านอย่างมีวิจารณญาณ ป้องกันการรับสารแบบผิด ๆ

    อ่านรายละเอียดสัญญาให้ครบถ้วน

ก่อนการขอสินเชื่อต้องอ่านรายละเอียดสัญญาให้ครบถ้วน ทั้งระยะเวลาการผ่อนชำระ อัตราดอกเบี้ย จำนวนเงินกู้ที่ได้รับ และรายละเอียดปลีกย่อยอื่น ๆ ป้องกันสัญญาที่ไม่เป็นธรรม และป้องกันการโดนหลอกจากมิจฉาชีพ

การขอสินเชื่อเป็นช่องทางในการหาเงินด่วน แต่ก่อนตัดสินใจควรพิจารณาแหล่งเงินกู้ที่น่าเชื่อถือ เพื่อป้องกันตนเองจากสัญญาที่ไม่เป็นธรรม และกลุ่มปล่อยสินเชื่อนอกระบบที่จะส่งผลเสียในอนาคตมากกว่าผลดี เพื่อความปลอดภัยควรเลือกแหล่งเงินกู้ถูกกฎหมาย อย่างสถาบันทางการเงิน หรือแหล่งเงินกู้ที่ได้รับการรับรองจากธนาคารแห่งประเทศไทย

14
แนวทางและเคล็ดลับการลดน้ำหนัก กับการกินอย่างไร ให้ไม่ "อ้วน" ตามแบบฉบับแพทย์แนะนำ

การมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง ความสูงรวมทั้งน้ำหนักที่สมควร เป็นสิ่งที่คนจำนวนไม่น้อยต้องการ แต่ว่าในความจริง ด้วยสาเหตุหลายสิ่งหลายอย่างอาจจะเป็นผลให้น้ำหนักตัวที่เคยได้ส่วนสัด เบาๆปีนบันไดขึ้นไปเรื่อยจนกระทั่งน้ำหนักเกินมาตรฐานเปลี่ยนเป็นโรคอ้วน ท้ายที่สุด

ถึงแบบนั้น ก็ยังไม่สายเกินไป ที่พวกเราจะเริ่มควบคุมแล้วก็ลดหุ่นเสียตั้งแต่วันนี้ ซึ่งจะไม่ได้ทำยาก แม้กระนั้นหากปลดปล่อยผ่าน ให้น้ำหนักเพิ่มจนถึงเข้าเกณฑ์ภาวการณ์น้ำหนักเกิน หรือแตะต้องบันไดของโรคอ้วนแล้วล่ะก็ คงจะจะต้องให้ความเอาใจใส่รวมทั้งเริ่มลดหุ่นอย่างเอาจริงเอาจัง

ในตอนนี้ปริมาณคนที่มีภาวการณ์น้ำหนักเกิน หรือไปสู่ภาวการณ์โรคอ้วนมีปริมาณมากขึ้นอย่างเร็ว โดยผลที่เกิดจากการสำรวจประชาชนโลก ปัจจุบันพบว่า ผู้ที่มีปัญหาโรคอ้วน หรือมีดัชนีมวลกาย (BMI) เกินกว่า 25 มีปริมาณสูงราว 2,000 ล้านราย หรือราวๆ 39% ของพลเมืองโลก ในตอนที่สถิติอ้างอิงเมื่อปี 2557 พบว่า คนประเทศไทยมีปัญหาโรคอ้วนถึง 37.5% ของปริมาณประชาชนทั้งผอง โดยเป็นหญิง 41.8% เพศชาย 32.9% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างจะสูง รวมทั้งมีลักษณะท่าทางมากขึ้นอย่างสม่ำเสมอ


สิ่งต้องห้าม…

สิ่งที่ทำให้เกิดการมีสภาวะน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนเกิดขึ้นได้จากหลายต้นสายปลายเหตุ นานับประการตามแบบการใช้ชีวิต รวมทั้งอาจเกิดขึ้นจากสรีระ ลักษณะกรรมพันธุ์ การมีโรคร่วม ดังเช่นว่า เบาหวาน แนวทางการทำงานของต่อมไทรอยด์ที่ไม่ดีเหมือนปกติ การใช้ยาบางชนิดบ่อยๆ หรือสิ่งแวดล้อมอื่นๆอาทิเช่น ความตึงเครียด ก็ทำให้ร่างกายมีน้ำหนักมากขึ้น สภาวะน้ำหนักเกินที่มักพบมักมีสาเหตุมาจากแบบอย่างการใช้ชีวิตที่ขาดความรอบคอบ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลือกกินอาหารที่มีรสหวาน มัน เค็มจัด ของกินที่ผ่านการทอด อบ หรือของกินดัดแปลง ตลอดจนเครื่องดื่มที่มีจำนวนน้ำตาลสูงและก็เบเกอรี่ชนิดต่างๆตอนที่วิธีการทำกิจกรรมต่างๆที่จะต้องใช้พลังงานในชีวิตประจำวัน ไม่สมดุลกับจำนวนสารอาหารที่ร่างกายได้รับ รวมทั้งสภาวะการละนอน การนอนมืดค่ำ ก็มีส่วนสำคัญอันนำมาซึ่งการมีน้ำหนักตัวที่มากขึ้น และก็เป็นสาเหตุของการเกิดโรคร่วมอื่นๆตามมา


เข้าใจถึงปัญหา

การลดความอ้วนที่สำเร็จ น่าจะจะต้องลดได้ขั้นต่ำ 5-10% ของน้ำหนักตัวที่ฯลฯทุนเดิมด้านใน 3-6 เดือน ซึ่งจะช่วยลดการเสี่ยงต่อการเกิดโรคร่วมสาเหตุจากโรคอ้วนอย่างได้อย่างเป็นจริงเป็นจัง แม้กระนั้นถ้าหากไม่สามารถที่จะทำเป็น บางทีก็อาจจะถึงเวลาที่จะต้องเจอหมอเพื่อด้วยกันหาขั้นตอนการรักษาที่สำเร็จถัดไป

“ปัญหาที่สำคัญที่ทำให้ไม่อาจควบคุมหรือลดความอ้วนได้ จำนวนมากมาจากการขาดวิชาความรู้ที่ถูกสำหรับเพื่อการดูแลตนเอง ร่วมด้วยต้นเหตุห้อมล้อมของครอบครัว การใช้ชีวิตอยู่ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการปรับพฤติกรรมสิ่งกลุ่มนี้ส่งผลต่อการลดความอ้วนแบบอย่างมากมาย รวมทั้งการเลิกนอนหรือนอนดึกดื่น ซึ่งระหว่าง 22.00-02.00 น.

เป็นตอนที่โกรทแฟคเตอร์ (Growth Factor) ดำเนินงาน ร่างกายมีการเผาผลาญ การงดนอนจะขวางการหลั่งฮอร์โมนที่ช่วยการเผา ทำให้ร่างกายไม่อาจจะสลายไขมันออกไปได้ การได้รับวิชาความรู้สำหรับการดูแลตัวเองเพื่อการลดความอ้วนที่ถูก เป็นเรื่องสำคัญที่จะสามารถช่วยให้มีการปรับพฤติกรรมอย่างแม่นยำ และก็สำเร็จลัพธ์จากการลดความอ้วนอย่างคงทนได้สุดท้าย

15
ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์: สินเชื่อแบบไหนดี แบบไหนเหมาะ...ทำความเข้าใจให้ดีก่อนเลือกกู้!!

ปัจจุบันหลายคนหันมา "กู้เงิน" หรือ "เป็นหนี้" กับสถาบันการเงินกันมากขึ้น เพราะได้ดอกเบี้ยที่ถูกกว่า มีความเป็นธรรม และไม่ต้องหวาดกลัวกับการทวงหนี้แบบโหดๆ สิ่งสำคัญในการตัดสินใจขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน นอกจากความสามารถในการชำระหนี้แล้วก็คือ การขอสินเชื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์และความต้องการของการใช้เงินของเรา เพราะสินเชื่อแต่ละประเภทจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน จึงถูกออกแบบมาให้มีอัตราดอกเบี้ย และระยะเวลาการผ่อนชำระที่เหมาะสมกับสินเชื่อประเภทนั้นๆ

การทำความเข้าใจรายละเอียดของสินเชื่อแต่ละประเภท จะช่วยให้เรามีข้อมูลในการตัดสินใจ "เป็นหนี้" ได้อย่างเหมาะสม และรอบคอบยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งปัจจุบันสถาบันการเงินต่างๆ มีบริการผลิตภัณฑ์สินเชื่อหลายรูปแบบเพื่อให้ตรงตามวัตถุประสงค์ และความต้องการของการใช้เงินของลูกค้า วันนี้จะชวนเพื่อนๆ มาดูกันว่ามีรูปแบบอะไรกันบ้าง


สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย

บ้านเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 สำหรับทุกคน แต่การจะซื้อบ้านด้วยเงินสดอาจไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีราคาค่อนข้างสูง บางคนต้องเก็บเงินทั้งชีวิตเพื่อให้ได้มีบ้านสักหลัง ซึ่งสถาบันการเงินเข้าใจถึงข้อจำกัดนี้จึงได้ออกแบบให้การผ่อนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยมีระยะเวลาผ่อนชำระยาวนานกว่าสินเชื่อประเภทอื่น แต่จะนานแค่ไหน ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับอายุของผู้ขอสินเชื่อ โดยสูงสุดมักไม่เกิน 30 ปี

สถาบันการเงินแต่ละแห่งจะคิดอัตราดอกเบี้ยแตกต่างกันไป แต่มักใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงแบบลอยตัว (Floating Rate) เช่น MLR (Minimum Loan Rate) หรือ MRR (Minimum Retail Rate) โดยจะคิดดอกเบี้ยในอัตราที่มากหรือน้อยกว่าอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงนี้ก็ได้ ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของผู้ขอสินเชื่อ นโยบายสินเชื่อและต้นทุนของสถาบันการเงินนั้น นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ผู้ขอสินเชื่ออาจต้องเป็นผู้รับภาระ เช่น ค่าจดจำนองหลักประกัน ค่าสำรวจ และประเมินราคาหลักประกัน

คิดก่อนซื้อบ้าน
การตัดสินใจซื้อบ้านนับเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิต จึงจำเป็นที่ต้องคิดอย่างรอบคอบ ซึ่งสิ่งที่ควรคำนึงถึงก่อนตัดสินใจซื้อบ้านมีมากมาย เช่น ทำเลที่ตั้ง จำนวนสมาชิกในบ้าน ความสะดวกในการเดินทาง ราคา และความน่าเชื่อถือของโครงการ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดของการซื้อบ้านด้วยการขอสินเชื่อ คือ ความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ของเรา เพราะการซื้อบ้านที่ถูกใจแต่เกินกำลังอาจนำมาซึ่งปัญหา สุดท้ายอาจไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่บ้านในฝัน โดยความสามารถในการชำระหนี้ของเราพิจารณาได้จาก
เงินคงเหลือในแต่ละเดือนหลังหักค่าใช้จ่ายจำเป็นและหนี้สินอื่นๆ
เงินออมที่มีอยู่เพื่อนำมาจ่ายเป็นเงินดาวน์บ้านก่อนเริ่มผ่อน
วงเงินที่จะได้รับ และอัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย
จำนวนงวด และจำนวนเงินที่ผ่อนในแต่ละงวด

หน้า: [1] 2 3 ... 22
ลงประกาศฟรี ติดอันดับ Google โฆษณาฟรี ประกาศฟรี ขายฟรี ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ขายรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าอุตสาหกรรม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ สถานที่ท่องเที่ยว ลงโฆษณาฟรี google