แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 41
1
Doctor At Home: ศีรษะได้รับบาดเจ็บ (Head injury/Traumatic brain injury) เลือดออกในสมอง (Intracranial hemorrhage)

ศีรษะได้รับบาดเจ็บ (บาดเจ็บที่ศีรษะ ก็เรียก) เป็นภาวะที่พบได้บ่อยทั้งในเด็กและผู้ใหญ่

ถ้าการบาดเจ็บรุนแรงไม่มาก ผู้ป่วยอาจมีอาการหัวโน ฟกช้ำที่หนังศีรษะ แผลฉีกขาดหรือแผลถูกตัดที่ศีรษะ หรือกะโหลกศีรษะร้าวหรือแตก โดยไม่กระทบต่อสมอง

แต่ถ้าการบาดเจ็บรุนแรงมาก มักมีผลกระทบต่อสมอง เกิดอาการผิดปกติทางสมอง (เรียกว่า "สมองได้รับบาดเจ็บ/บาดเจ็บที่สมอง" หรือ "Traumatic brain injury/TBI") ซึ่งเกิดขึ้นได้หลายลักษณะ ได้แก่ สมองได้รับการกระทบกระเทือน สมองฟกช้ำหรือฉีกขาด ก้อนเลือดในกะโหลกศีรษะ (ซึ่งเกิดจากหลอดเลือดในกะโหลกศีรษะฉีกขาด ทำให้มีเลือดออกในสมอง*) ส่งผลให้มีการทำลายเนื้อสมองส่วนต่าง ๆ เกิดอาการผิดปกติต่าง ๆ ไปตามส่วนของสมองที่ถูกกระทบ

ถ้าสมองส่วนสำคัญได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ก็อาจทำให้เกิดอาการหมดสติ หัวใจหยุดเต้น หยุดหายใจ แขนขาเป็นอัมพาต ชัก เป็นอันตรายถึงเสียชีวิตหรือพิการได้

* เลือดออกในสมอง อาจเกิดที่เยื่อหุ้มสมอง หรือในเนื้อสมองก็ได้ มักเกิดจากศีรษะได้รับบาดเจ็บเป็นส่วนใหญ่

ส่วนในรายที่ไม่มีประวัติการได้รับบาดเจ็บ อาจเกิดจากมีสาเหตุอื่น เช่น หลอดเลือดสมองแตกจากโรคความดันโลหิตสูง โรคเลือดที่มีภาวะเลือดออกง่าย  ภาวะผิดปกติของหลอดเลือดในสมอง  ภาวะเลือดออกที่เป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยาต้านเกล็ดเลือด (เช่น แอสไพริน) หรือยากันเลือดเป็นลิ่ม (เช่น วาร์ฟาริน) เป็นต้น (ดู "โรคหลอดเลือดสมอง")

ในที่นี้จะกล่าวเฉพาะที่มีสาเหตุจากการบาดเจ็บที่สมอง

สาเหตุ

การบาดเจ็บมักเกิดจากอุบัติเหตุที่สำคัญ ได้แก่ อุบัติเหตุจราจร โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุบัติเหตุที่เกิดกับผู้ขับขี่รถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ (พบบ่อยในผู้ที่มีพฤติกรรมขับขี่รถขณะมึนเมา และไม่คาดเข็มขัดนิรภัยหรือสวมหมวกนิรภัย)

นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากการตกจากที่สูง ตกบันได หกล้มศีรษะกระแทกถูกของแข็ง อุบัติเหตุจากการปั่นจักรยาน การเล่นกีฬา หรือการทำงาน การทำร้ายร่างกาย ในทารกแรกเกิดก็อาจมีการบาดเจ็บของศีรษะจากการคลอดยาก เป็นต้น

อาการ

นอกจากบาดแผลหรืออาการฟกช้ำที่หนังศีรษะแล้ว ผู้ป่วยอาจแสดงอาการได้หลายลักษณะ ขึ้นกับความผิดปกติที่เกิดขึ้นในสมอง ดังนี้

1. สมองได้รับการกระทบกระเทือน (brain concussion) เกิดจากศีรษะได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรง (เช่น เกิดเหตุรถชนขณะขับมาด้วยความเร็ว ศีรษะถูกกระทบกระแทกขณะเล่นกีฬา) ทำให้เนื้อสมองส่วนต่าง ๆ ในกะโหลกเกิดการกระทบกระเทือน ส่งผลให้ทำงานผิดปกติไปชั่วคราว โดยที่การบาดเจ็บนั้นไม่ได้ทำให้เกิดการฟกช้ำและการฉีกขาดของเนื้อสมอง หรือทำให้มีเลือดออกในสมอง

ผู้ป่วยอาจมีอาการทางสมองอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างร่วมกัน อาจมีอาการเกิดขึ้นหลังเกิดเหตุทันที หรือหลังเกิดเหตุเป็นชั่วโมง ๆ หรือเป็นวัน ๆ โดยอาจมีอาการปวดศีรษะ เวียนศีรษะ บ้านหมุน มีเสียงในหู (หูอื้อ) เห็นภาพซ้อน มีความรู้สึกไวต่อแสงหรือเสียง จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รู้รส คลื่นไส้ เป็นลม อ่อนล้า เซื่องซึม สับสน หลง ๆ ลืม ๆ ขาดสมาธิ นอนหลับยาก บุคลิกเปลี่ยนไปจากเดิม (หงุดหงิดง่าย อารมณ์แกว่งง่าย)

ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการหมดสติหลังการบาดเจ็บ ซึ่งจะเป็นอยู่เพียงชั่วครู่ ประมาณ 2-3 นาที หรือมากกว่า (น้อยรายมากที่อาจหมดสตินานเกิน 15 นาที) เมื่อฟื้นแล้วอาจรู้สึกงุนงง จำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ ซึ่งอาจเป็นอยู่เพียงชั่วขณะหรือเป็นวัน ๆ

อาการต่าง ๆ จะค่อย ๆ หายไปได้เองใน 2-3 วัน หรือเป็นสัปดาห์ ๆ

บางรายอาจมีอาการต่อเนื่องนานเป็นเดือน ๆ หรือเป็นปี ๆ ที่พบบ่อยคือ มีอาการปวดศีรษะ อ่อนล้า มีความรู้สึกไวต่อแสงหรือเสียง หลง ๆ ลืม ๆ ขาดสมาธิ นอนหลับยาก หรือบุคลิกเปลี่ยนไปจากเดิม โดยอาจมีอาการเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือมากกว่าหนึ่งอย่างก็ได้ ภาวะดังกล่าวเรียกว่า "กลุ่มอาการหลังสมองได้รับการกระทบกระเทือน (post-concussion syndrome/PCS)"

สมองได้รับการกระทบกระเทือน นับว่าเป็นภาวะที่ไม่มีอันตรายร้ายแรง และไม่ทำให้เสียชีวิต

2. สมองฟกช้ำ (brain contusion ซึ่งมักเกิดจากศีรษะได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรง) หรือสมองฉีกขาด (brain laceration ซึ่งมักเกิดร่วมกับกะโหลกศีรษะแตก และมีเศษกระดูกยุบไปทิ่มตำเนื้อสมอง)

ถ้ารอยโรคมีขนาดเล็กมาก มีผลกระทบต่อสมองเพียงเล็กน้อย ก็จะมีอาการทางสมองไม่มาก (เช่น ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ บ้านหมุน มีเสียงในหู เห็นภาพซ้อน มีความรู้สึกไวต่อเสียงหรือแสง คลื่นไส้ เป็นลม อ่อนล้า เซื่องซึม สับสน หลงลืม ขาดสมาธิ นอนไม่หลับ) ซึ่งจะค่อย ๆ ทุเลาไปได้เอง

ถ้ารอยโรคมีขนาดใหญ่ หรือรอยโรคมีขนาดเล็กแต่ทำให้สมองบวมหรือมีเลือดออก ก็จะมีอาการทางสมองที่รุนแรง ผู้ป่วยมักมีอาการหมดสติเป็นเวลาสั้น ๆ (ประมาณ 2-3 นาที) หรือมากกว่า เมื่อฟื้นแล้วมักมีอาการเซื่องซึม สับสน กระสับกระส่าย หรือกระวนกระวาย บางรายอาจมีอาการชัก สูญเสียการทรงตัวหรือการประสานงานของกล้ามเนื้อ อาเจียน แขนขาเป็นอัมพาตครึ่งซีก ปากเบี้ยว พูดอ้อแอ้หรือพูดไม่ได้ ตาพร่ามัวหรือเห็นภาพซ้อน หูตึง หรือจมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รู้รส บางรายอาจมีอาการหลง ๆ ลืม ๆ ความคิดเชื่องช้าหรือติดขัด หรือควบคุมอารมณ์ไม่ได้

ในรายที่การบาดเจ็บรุนแรงมาก อาจทำให้สมองบวมอย่างมาก และความดันในกะโหลกสูงมาก มีผลกระทบต่อสมองที่รุนแรงขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะสมองเลื่อน (brain herniation) มีอาการสลบ (โคม่าหรือหมดสติอย่างต่อเนื่อง) และทำให้เสียชีวิตได้

 3. ก้อนเลือดในกะโหลกศีรษะ (intracranial hematoma) มักเกิดจากศีรษะได้รับบาดเจ็บจนทำให้หลอดเลือดในกะโหลกศีรษะฉีกขาด มีเลือดออก ค่อย ๆ สะสมเป็นก้อนเลือด (hematoma) ที่มีขนาดโตขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งอาจเกิดที่เยื่อหุ้มสมองหรือในเนื้อสมองก็ได้ ก้อนเลือดจะกดดันเนื้อสมอง ทำให้เกิดอาการทางสมองที่ค่อย ๆ รุนแรงขึ้น ถือว่าเป็นภาวะร้ายแรง หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจเสียชีวิตได้รวดเร็ว

ผู้ป่วยมักมีอาการปวดศีรษะอย่างต่อเนื่องและรุนแรง อาเจียนอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง ซึมลงเรื่อย ๆ เวียนศีรษะ สับสน พูดอ้อแอ้ รูม่านตา 2 ข้างไม่เท่ากัน แขนขาเป็นอัมพาตครึ่งซีก ในที่สุดเมื่อก้อนเลือดมีขนาดโตมาก ก็จะมีอาการเซื่องซึม ชัก สลบ (โคม่าหรือหมดสติอย่างต่อเนื่อง)

บางรายหลังบาดเจ็บอาจรู้สึกเป็นปกติดีอยู่สักระยะหนึ่ง หรืออาจมีอาการหมดสติหลังบาดเจ็บอยู่ครู่หนึ่งแล้วฟื้นคืนสติได้เอง ในระยะต่อมาจึงค่อยเกิดอาการทางสมองดังกล่าวข้างต้น

ในรายที่มีก้อนเลือดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มักมีอาการเกิดขึ้นทันที หรือภายใน 24 ชั่วโมง

ส่วนในรายที่มีก้อนเลือดค่อย ๆ เกิดสะสมโตขึ้นทีละน้อย ก็อาจมีอาการเกิดขึ้นหลังบาดเจ็บเป็นวัน ๆ หรือเป็นสัปดาห์ ๆ หรือมากกว่า

ในรายที่เป็นก้อนเลือดใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นนอกแบบเรื้อรัง (chronic subdural hematoma) ซึ่งมีเลือดซึมออกทีละน้อย ค่อย ๆ สะสมเป็นก้อนโต พบบ่อยในผู้บาดเจ็บที่สูงอายุ หรือดื่มแอลกอฮอล์จัด อาจมีอาการเกิดขึ้นหลังได้รับบาดเจ็บเป็นวัน ๆ เป็นสัปดาห์ ๆ หรือเป็นเดือน ๆ ก็ได้ แล้วจึงค่อยมีอาการปวดศีรษะ ซึ่งเป็นถี่และแรงขึ้นทุกที คลื่นไส้ อาเจียน ซึม บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง แขนขาอ่อนแรง หรือชักแบบโรคลมชัก

สำหรับทารกแรกเกิดที่มีก้อนเลือดในกะโหลกศีรษะ มักมีประวัติคลอดยากหรือศีรษะได้รับการกระทบกระเทือนระหว่างคลอด มักจะมีอาการร้องเสียงแหลม ซึม อาเจียน ชัก แขนขาอ่อนแรงกระหม่อมโป่งตึง

เลือดออกในสมอง

อาการที่แสดงถึงความรุนแรงของผู้ป่วยศีรษะได้รับบาดเจ็บ

ถ้าพบอาการเพียงข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้ ควรส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาลด่วน

    หมดสติ
    ชัก
    ปวดศีรษะรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
    อาเจียนรุนแรง หรืออาเจียนอย่างต่อเนื่อง
    กระสับกระส่าย หรือซึมอย่างต่อเนื่องมากกว่า 6 ชั่วโมง
    แขนขาชาหรืออ่อนแรง
    ทรงตัวไม่ได้ หรือเดินไม่ได้
    พูดอ้อแอ้ หรือพูดไม่ได้
    ตาพร่ามัว เห็นภาพซ้อน หูตึง (ไม่ได้ยิน) จมูกไม่ได้กลิ่น หรือลิ้นไม่รู้รส
    หายใจลำบาก หรือมีอัตราการหายใจต่ำกว่าปกติ
    ชีพจรเต้นช้า และความดันโลหิตสูง
    คอแข็ง (ก้มคอไม่ลง)
    รูม่านตา 2 ข้างไม่เท่ากัน
    มีเลือดหรือน้ำใส ๆ (น้ำสมอง-ไขสันหลัง) ไหลออกทางจมูก ปาก หรือหู
    จดจำผู้คนหรือสิ่งรอบข้างไม่ได้

ภาวะแทรกซ้อน

ถ้าเป็นรุนแรงอาจถึงตายได้ หรือไม่ก็อาจมีภาวะแทรกซ้อนในภายหลัง เช่น สมองพิการ แขนขาเป็นอัมพาต โรคลมชัก หูตึง หูหนวก ตามืดบอด พูดอ้อแอ้หรือพูดไม่ได้ สูญเสียการทรงตัว ความคิดสับสน ความจำเสื่อม บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง โรคกังวล โรคซึมเศร้า

บางรายอาจมีสภาพเป็น "เจ้าชายนิทรา" ซึ่งทางการแพทย์เรียกว่า "สภาพผัก (vegetative state)" คือ มีสภาพที่ไม่ได้หมดสติ มีสัญญาณชีพปกติ (หายใจได้ หัวใจเต้นเป็นปกติ) และมีชีวิตอยู่ได้ยาวนาน แต่ไม่สามารถรับรู้สิ่งแวดล้อม และสูญเสียความสามารถในการคิดและการตอบสนอง

สำหรับผู้ที่มีภาวะสมองได้รับการกระทบกระเทือน แม้ว่าจะมีอาการไม่รุนแรงและหายได้เอง แต่ถ้าหากปล่อยให้เกิดขึ้นซ้ำซาก (เช่น เล่นกีฬาที่มีการปะทะกันเป็นประจำ) อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคพาร์กินสัน โรคซึมเศร้า และภาวะสมองเสื่อมตอนอายุมากได้

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย

อาจตรวจพบอาการหัวโน รอยฟกช้ำที่หนังศีรษะ ศีรษะแตก หรืออาจไม่พบรอยบาดแผลที่ศีรษะชัดเจนก็ได้

ในรายที่สมองได้รับบาดเจ็บรุนแรง ก็อาจตรวจพบอาการไม่ค่อยรู้สึกตัวหรือหมดสติ แขนขาอ่อนแรง ตัวเกร็ง ชีพจรเต้นช้า หายใจตื้นขัด ความดันโลหิตสูง คอแข็ง รูม่านตา 2 ข้างไม่เท่ากัน (รูม่านตาข้างที่โตกว่า จะไม่หดลงเมื่อใช้ไฟส่อง)

บางรายอาจมีบาดแผลหรือการบาดเจ็บหลายแห่ง เช่น กระดูกแขนขาหัก บาดแผลที่ทรวงอก กระดูกสันหลังหัก เป็นต้น

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น ถ่ายภาพสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง ตรวจเลือด เป็นต้น

การรักษาโดยแพทย์

นอกจากดูแลรักษาบาดแผลที่ศีรษะที่ตรวจพบแล้ว แพทย์จะให้การดูแลรักษาอาการบาดเจ็บที่สมอง ดังนี้

1. ถ้ามีอาการทางสมอง เช่น หมดสติ ปลุกไม่ค่อยตื่น เซื่องซึม ปวดศีรษะมากขึ้นทุกขณะ อาเจียนรุนแรง คอแข็ง เพ้อคลั่ง ชัก บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง แขนขาอ่อนแรง รูม่านตา 2 ข้างไม่เท่ากัน หรือมีเลือดหรือน้ำใส ๆ ออกจากจมูก ปาก หรือหู เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง แพทย์จะรับตัวผู้ป่วยไว้ในโรงพยาบาล แพทย์จะให้การรักษาตามอาการหรือภาวะผิดปกติที่พบ เช่น ให้เลือด ให้น้ำเกลือ ให้ออกซิเจนหรือใช้เครื่องช่วยหายใจ ยาลดไข้ ยาบรรเทาปวด ยากันชัก (ในรายที่มีอาการชัก)

ในรายที่พบว่ามีอาการสมองบวม (ซึ่งทำให้เกิดความดันในกะโหลกสูง มีอันตรายได้) อาจให้การรักษาด้วยยาหรือการผ่าตัด

ถ้าตรวจพบว่ามีเลือดออกในสมองที่รุนแรง มักจะต้องทำการผ่าตัดสมองทันที

ในรายที่ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด (เช่น ผู้ป่วยที่มีก้อนเลือดในสมองขนาดเล็ก) หรือในรายที่ผ่าตัดไม่ได้ (เช่น สมองฟกช้ำหรือฉีกขาด) ก็จะให้การรักษาแบบประคับประคอง ป้องกันภาวะแทรกซ้อน ฟื้นฟูสภาพด้วยการทำกายภาพบำบัด

2. ถ้าผู้ป่วยยังรู้สึกตัวดี และไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ  ไม่ว่าผู้ป่วยจะมีประวัติหมดสติอยู่ชั่วขณะหรือไม่ก็ตาม แพทย์อาจรับตัวไว้สังเกตอาการในโรงพยาบาลสักระยะหนึ่ง หรือไม่ก็อาจแนะนำให้ผู้ป่วยกลับไปบ้าน และเฝ้าสังเกตอาการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด ถ้าพบมีอาการทางสมองอย่างใดอย่างหนึ่งแทรกซ้อนตามมาในภายหลัง (อาจหลังบาดเจ็บนานเป็นวัน ๆ เป็นสัปดาห์ ๆ หรือเป็นเดือน ๆ) ก็ควรพาผู้ป่วยกลับไปรักษาที่โรงพยาบาลทันที

ผลการรักษา ขึ้นกับสาเหตุและความรุนแรง พวกที่มีอาการไม่มาก (เช่น สมองได้รับการกระทบกระเทือน สมองฟกช้ำหรือฉีกขาดเล็กน้อย) มักจะหายได้ภายในเวลาไม่นาน อาจเป็นวัน ๆ หรือเป็นสัปดาห์ ๆ

พวกที่มีอาการรุนแรง (เช่น สมองฟกช้ำหรือฉีกขาดที่รุนแรง มีก้อนเลือดในกะโหลกศีรษะ) ถ้าสมองไม่ได้ถูกทำลายมากและได้รับการรักษาได้ถูกต้องทันการ ก็มีโอกาสรอดชีวิตสูง และหายเป็นปกติหรือเกือบปกติได้ แต่บางรายอาจมีความพิการทางสมองบางส่วนอย่างถาวรได้

แต่ถ้าสมองได้รับผลกระทบรุนแรง หรือได้รับการรักษาช้าเกินไป ก็มีโอกาสเสียชีวิตสูง หรืออาจมีความพิการที่รุนแรง เช่น อัมพาต พูดไม่ได้ หูหนวก สมองพิการ เป็นต้น บางรายอาจมีสภาพเป็น "เจ้าชายนิทรา"

การดูแลตนเอง

เมื่อมีการบาดเจ็บที่ศีรษะ ควรดูแลตนเองดังนี้

1. ไม่ว่าจะพบมีบาดแผลที่ศีรษะหรือไม่ หรือมีอาการทางสมองหรือไม่ ควรพาผู้ป่วยไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลโดยเร็ว เพื่อตรวจดูอาการและให้การดูแลรักษาตามความเหมาะสม

2. ถ้ามีอาการรุนแรง เช่น หมดสติ ชัก ปวดศีรษะรุนแรง อาเจียนรุนแรง แขนขาชาหรืออ่อนแรง หายใจลำบาก มีเลือดหรือน้ำใส ๆ ออกจากจมูก ปาก หรือหู เป็นต้น ควรให้การปฐมพยาบาล และพาผู้ป่วยไปโรงพยาบาลด่วน

3. ถ้าแพทย์ตรวจไม่พบอาการผิดปกติทางสมอง และให้ผู้ป่วยกลับไปบ้าน ควรพักผ่อน หยุดทำกิจกรรมที่มีผลกระทบต่อสมอง (เช่น การเล่นกีฬา) ปฏิบัติตัวตามที่แพทย์แนะนำ และเฝ้าสังเกตดูอาการอย่างใกล้ชิด ถ้ามีอาการผิดปกติตามมา เช่น ปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก เซื่องซึมลง แขนขาชาหรืออ่อนแรง บ้านหมุน มีเสียงในหู (หูอื้อ) เห็นภาพซ้อน มีความรู้สึกไวต่อแสงหรือเสียง จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รู้รส เป็นลม เป็นต้น ควรกลับไปพบแพทย์ทันที

4. ถ้าแพทย์รับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล ควรดูแลรักษาตามที่แพทย์เห็นว่าเหมาะสม (เช่น การผ่าตัดสมอง) และเมื่อแพทย์ให้ออกจากโรงพยาบาลกลับไปพักฟื้นที่บ้าน ควรปฏิบัติตัวตามที่แพทย์แนะนำ และติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นใหม่ เช่น มีไข้ ปวดศีรษะ อาเจียน เซื่องซึมลง ชัก แขนขาชาหรืออ่อนแรง เป็นต้น
    บาดแผล (ที่เกิดจากการบาดเจ็บหรือการผ่าตัด) มีการอักเสบ
    ขาดยา หรือยาหาย
    ถ้ากินยา (ที่แพทย์สั่งให้กลับมากินที่บ้าน) แล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

หาทางป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่อาจทำให้ศีรษะได้รับบาดเจ็บที่สำคัญ เช่น

    ในการขับขี่รถ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ หรือกินยาที่ทำให้ง่วงนอนทั้งก่อนและขณะขับขี่รถ คาดเข็มขัดนิรภัย/สวมหมวกนิรภัย และปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
    ใช้อุปกรณ์ป้องกันศีรษะ ขณะขี่จักรยาน ขี่ม้า เล่นกีฬา หรือทำงานที่มีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บที่ศีรษะ
    ระมัดระวังไม่ให้หกล้ม ตกจากที่สูงหรือตกบันได โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ

- จัดสภาพแวดล้อมภายในบ้าน และสนามเด็กเล่นให้มีความปลอดภัย

- หลีกเลี่ยงการปีนขึ้นที่สูง หากเลี่ยงไม่ได้ก็ควรทำด้วยความระมัดระวัง

- หลีกเลี่ยงการเดิน วิ่ง หรือขี่จักรยานในบริเวณที่มีพื้นผิวที่ลื่น หรือขรุขระ หรือมีลักษณะต่างระดับ

- ไม่ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาขณะเจ็บป่วยหรือร่างกายอ่อนล้า

- ผู้สูงอายุควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ทำให้ง่วงนอนในช่วงกลางวัน หมั่นตรวจวัดสายตาและปรับแว่นที่ใช้ให้เหมาะ หมั่นบริหารร่างกายให้แข็งแรง และเวลาขึ้นลงบันไดก็ระวังอย่าเผลอสติ และใช้มือเกาะราวบันไดให้มั่นคง

- เฝ้าระวังเด็กเล็กขณะวิ่งเล่น ปีนป่าย หรือขึ้นลงบันได

ข้อแนะนำ

1. ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะทุกราย แม้จะไม่มีบาดแผลให้เห็น หรือมีเพียงบาดแผลเล็กน้อยที่ศีรษะ หรือรู้สึกสบายดีตั้งแต่แรก ก็ไม่ควรชะล่าใจว่าไม่เป็นไร ควรปรึกษาแพทย์ และเฝ้าสังเกตอาการทางสมองอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 24 ชั่วโมงแรก และในสัปดาห์แรก ๆ หลังได้รับบาดเจ็บ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่กินยาต้านเกล็ดเลือด (เช่น แอสไพริน) หรือสารกันเลือดเป็นลิ่ม (เช่น วาร์ฟาริน) ในการรักษาโรคบางอย่าง (เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด) หากมีเลือดออกในสมอง มีโอกาสเกิดเลือดออกที่รุนแรงเป็นอันตรายได้ เนื่องเพราะยาเหล่านี้ทำให้เลือดหยุดยาก ดังนั้นควรระมัดระวังตัวไม่ให้เกิดการบาดเจ็บที่ศีรษะ หากมีการบาดเจ็บที่ศีรษะ แม้ไม่มีอาการผิดปกติก็ควรไปพบแพทย์โดยเร็ว เพื่อจะได้รับการดูแลรักษาได้ทันการ

2. บ่อยครั้งที่พบว่า ผู้ป่วยที่ศีรษะได้รับบาดเจ็บและเกิดมีก้อนเลือดใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นนอกแบบเรื้อรัง ซึ่งมักจะไม่มีอาการผิดปกติตั้งแต่แรก และไม่ได้ไปพบแพทย์หลังได้บาดเจ็บที่ศีรษะ ด้วยรู้สึกว่าไม่เป็นอะไรมาก เมื่อปรากฏอาการหลังบาดเจ็บนานเป็นสัปดาห์ ๆ หรือเป็นเดือน ๆ ผู้ป่วย (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้สูงอายุ) จะจำเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้ หากอาการทางสมองไม่ได้เด่นชัด เมื่อไปพบแพทย์ แพทย์ไม่ได้ประวัติการบาดเจ็บที่ศีรษะ อาจทำให้วินิจฉัยโรคได้ล่าช้าเกินไป ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุ ผู้ป่วยควรจดบันทึกไว้หรือแจ้งให้คนใกล้ชิดทราบ และแจ้งให้แพทย์ทราบ แพทย์ก็จะได้ข้อมูลที่สำคัญนี้ ช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยและการรักษาได้ทันท่วงที

3. ผู้ป่วยที่มีภาวะบาดเจ็บที่สมองบางราย หลังผ่าตัดสมองจนปลอดภัยและร่างกายฟื้นตัวได้ดี อาจมีโรคลมชักแทรกซ้อนตามมา ซึ่งจำเป็นต้องกินยากันชักควบคุมอาการตลอดไป

2
ที่เที่ยวไทยใกล้รถไฟฟ้า สายสีเขียวอ่อน เที่ยวกรุงเทพ ประหยัด ไม่ง้อรถส่วนตัว!

กรุงเทพฯ มีที่เที่ยวใกล้รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวอ่อน (สุขุมวิท) ที่เดินทางสะดวกและประหยัด ไม่ต้องง้อรถส่วนตัวหลายแห่งเลยค่ะ นี่คือบางส่วนที่น่าสนใจ:


สวนเบญจกิติ

จุดเด่น: สวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางเมือง มีเส้นทางวิ่งและปั่นจักรยานรอบทะเลสาบ บรรยากาศร่มรื่น เหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจ

ค่าเข้า: ฟรี

การเดินทาง: ลง BTS สถานีอโศก (E4) หรือ MRT สถานีสุขุมวิท เดินเชื่อมต่อมายังสวนได้ไม่ไกล

สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ)

จุดเด่น: สวนสาธารณะขนาดใหญ่ มีพื้นที่สีเขียวกว้างขวาง ทะเลสาบให้ปั่นเรือเป็ด มีเลนจักรยาน สนามเทนนิส และอุทยานผีเสื้อและแมลงกรุงเทพฯ

ค่าเข้า: ฟรี (อาจมีค่าเช่าจักรยาน)

การเดินทาง: ลง BTS สถานีหมอชิต (N8) หรือ MRT สถานีสวนจตุจักร เดินต่ออีกเล็กน้อย หรือนั่งวินมอเตอร์ไซค์เข้าไป


สวนเฉลิมหล้า

จุดเด่น: สวนสาธารณะขนาดเล็กที่มีกำแพงล้อมรอบ โดดเด่นด้วยจิตรกรรมฝาผนังสีสันสดใส มีสนามเด็กเล่นและสนามกีฬาเล็กๆ

ค่าเข้า: ฟรี

การเดินทาง: ลง BTS สถานีราชเทวี (N1) หรือ สถานีพญาไท (N2) เดินไม่ไกล

ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ (ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ)

จุดเด่น: สถานที่เรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ มีท้องฟ้าจำลองให้ชมดาว นิทรรศการวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจ เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย

ค่าเข้า: มีค่าเข้าชมในราคาประหยัด

การเดินทาง: ลง BTS สถานีเอกมัย (E7) เดินไม่ไกล


วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร

จุดเด่น: วัดเก่าแก่ใจกลางเมือง ตั้งอยู่ระหว่างสยามพารากอนและเซ็นทรัลเวิลด์ เป็นสถานที่สงบ ร่มรื่น เหมาะแก่การไหว้พระทำบุญและพักผ่อนจิตใจ

ค่าเข้า: ฟรี

การเดินทาง: ลง BTS สถานีสยาม (CEN) หรือ สถานีชิดลม (E1) เดินเชื่อมต่อได้เลย

ตลาดนัดจตุจักร (Chatuchak Weekend Market)

จุดเด่น: ตลาดนัดสุดสัปดาห์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีสินค้าหลากหลายประเภท ตั้งแต่เสื้อผ้า ของใช้ ของตกแต่งบ้าน ศิลปะ อาหาร ไปจนถึงสัตว์เลี้ยง เดินได้ทั้งวัน ของกินของใช้ราคาไม่แพง

ค่าเข้า: ฟรี (ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่คือค่าอาหารและของที่ระลึก)

การเดินทาง: ลง BTS สถานีหมอชิต (N8) เดินถึงทันที

สถานที่เหล่านี้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการเที่ยวกรุงเทพฯ แบบประหยัดและสะดวกสบายโดยใช้รถไฟฟ้า BTS ค่ะ

3
เมื่อเด็กเข้ารับการจัดฟันเด็ก จะทำให้ทำความสะอาดช่องปากยากขึ้นหรือไม่

การทำความสะอาดช่องปากและฟัน สำหรับเด็ก ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะฟันของเรานั้นจะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต และถ้าหากเรามีฟันที่ผุตั้งแต่เด็กหรือมีปัญหาฟันตั้งแต่อายุยังน้อย แน่นอนว่าเมื่อเราเติบโตไปจะทำให้เรามีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟันอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรดูแลเอาใจใส่สุขภาพช่องปากและฟันของบุตรหลานท่านให้ดีอยู่เสมอ และที่สำคัญควรดูแลพฤติกรรมของเด็กที่อาจส่งผลทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับฟันในอนาคต ยกตัวอย่างเช่น พฤติกรรมการดูดขวดนม พฤติกรรมการดูดนิ้ว ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ส่งผลทำให้เด็กมีกล้ามเนื้อใบหน้าที่ผิดปกติ อาจทำให้เกิดการสบฟันที่ผิดปกติได้ แน่นอนว่าส่งผลต่อฟันโดยตรง

และถ้าหากมีปัญหาดังกล่าว พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการตรวจฟันกับทันตแพทย์จัดฟัน เพื่อเข้ารับการรักษาและรีบทำการแก้ไข ส่วนใหญ่เด็กๆที่มีปัญหาดังกล่าวนี้ ทันตแพทย์จัดฟันจะแนะนำให้เข้ารับการจัดฟันในเด็ก ซึ่งถือว่าเป็นการแก้ไขปัญหาฟันในเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพและยังช่วยส่งเสริมในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันได้เป็นอย่างดี เพราะผู้ที่เข้ารับการจัดฟันจะต้องดูแลเอาใจใส่ในเรื่องของความสะอาดของช่องปากและฟันให้มากเป็นพิเศษ แต่พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนก็ยังมีความกังวลว่า ถ้าหากบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันแล้วจะสามารถทำให้ทำความสะอาดช่องปากและฟันได้ยากขึ้นหรือไม่

ซึ่งในวันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กในขณะเข้ารับการจัดฟันและจะช่วยตอบคำถามที่ว่าเมื่อเข้ารับการจัดฟันแล้วจะสามารถทำความสะอาดช่องปากและฟันได้ยากขึ้นด้วยหรือไม่ เพื่อคลายกังวลให้กับพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีความคิดที่จะพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็กเพื่อแก้ไขปัญหาฟัน สำหรับการทำความสะอาดช่องปากและฟันของผู้เข้ารับการจัดฟันนั้น หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าผู้เข้ารับการจัดฟันจะสามารถทำความสะอาดฟันได้ยากกว่าเดิม เนื่องจากมีเครื่องมือการจัดฟันอยู่ภายในช่องปาก


ซึ่งเครื่องมือนั้นอาจจะเป็นอุปสรรคทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันสามารถทำความสะอาดฟันได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ แต่ไม่ต้องตกใจสำหรับใครที่เข้ารับการจัดฟันและกังวลว่าจะสามารถทำความสะอาดฟันได้ลำบากและกลัวการเกิดปัญหาฟันในอนาคต เช่น ฟันผุ หรือคราบหินปูนต่างๆ ซึ่งการแปรงฟันของผู้เข้ารับการจัดฟันนั้นก็จะมีเคล็ดลับบางอย่างที่จะช่วยทำให้สามารถทำความสะอาดฟันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นั่นก็คือการเลือกใช้แปรงสีฟัน สำหรับผู้เข้ารับการจัดฟัน เพราะแปรงสีฟัน สำหรับผู้เข้ารับการจัดฟัน จะช่วยทำให้สามารถทำความสะอาดฟันได้ทุกซอก ทุกมุม ไม่ว่าจะเป็นซอกฟันหรือซอกเหล็ก ซึ่งสามารถทำความสะอาดฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยทีเดียว และที่สำคัญผู้เข้ารับการจัดฟันควรที่จะใช้น้ำยาบ้วนปากเพื่อทำความสะอาดช่องปากและฟันในส่วนที่แปรงสีฟันเข้าไม่ถึง ซึ่งก็จะช่วยลดการเกิดฟันผุและการเกิดคราบหินปูนและยังช่วยทำให้มีลมหายใจที่สดชื่นมากยิ่งขึ้น

เห็นไหมว่าการจัดฟัน ก็สามารถทำความสะอาดช่องปากและฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนกัน สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดที่มีความสนใจอยากพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็กก็ไม่ต้องกังวลในเรื่องของการทำความสะอาดช่องปากและฟัน ถึงแม้ว่าจะสามารถทำความสะอาดช่องปากและฟันได้ยากขึ้นกว่าคนทั่วไป แต่ถ้าแลกกับการที่มีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามเป็นธรรมชาติแล้วถือว่าคุ้มมากเลยทีเดียว เพื่อให้บุตรหลานของท่านได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจอยากพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกทางเรามีทันตแพทย์ที่คอยให้คำปรึกษา ซึ่งทันตแพทย์ของเรามีประสบการณ์ในด้นการจัดฟันมาอย่างยาวนาน มีความเชี่ยวชาญด้านทันตกรรม นอกจากนี้ เรายังมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษาในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการจัดฟันในเด็ก เพื่อให้พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถเลือกโปรแกรมที่เหมาะสมกับแนวทางของตัวเอง เพื่อที่จะได้รับบริการอย่างไม่กังวล เพราะเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เพื่อที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนด้วย

4
แจกสูตรวิธีทำ”ไข่ข้น”ง่ายๆ (ภายในเวลาไม่เกิน 2 นาที) เพื่อสร้างอาชีพ

ไข่ข้นเป็นเมนูที่ทำง่าย รวดเร็ว และได้รับความนิยมอย่างมาก เหมาะสำหรับทำขายสร้างอาชีพ โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วน ต่อไปนี้เป็นสูตรไข่ข้นง่ายๆ ที่ใช้เวลาไม่เกิน 2 นาที พร้อมเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณทำขายได้ดี:

ส่วนผสม (สำหรับ 1 ที่):

ไข่ไก่สด 2 ฟอง
นมสด (หรือวิปปิ้งครีม) 2 ช้อนโต๊ะ
เนยจืด 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1/2 ช้อนชา (หรือเกลือเล็กน้อย)
พริกไทยขาวป่น เล็กน้อย
(ถ้าต้องการ) หมูสับ, แฮม, ไส้กรอก, หรือผักต่างๆ ตามชอบ

วิธีทำ:

ตอกไข่ใส่ชามผสม เติมนมสด (หรือวิปปิ้งครีม) ปรุงรสด้วยน้ำปลา (หรือเกลือ) และพริกไทยขาว ตีให้เข้ากันเบาๆ (ไม่ต้องตีให้ขึ้นฟอง)
ตั้งกระทะเทฟลอน ใช้ไฟอ่อน ใส่เนยลงไป รอจนเนยละลาย
เทไข่ที่ตีไว้ลงในกระทะ (ถ้าต้องการ) ใส่หมูสับ แฮม ไส้กรอก หรือผักต่างๆ ลงไป
ใช้ตะหลิวคนไข่เบาๆ ตลอดเวลา เพื่อให้ไข่สุกแบบข้นๆ และไม่ติดกระทะ
เมื่อไข่เริ่มสุกแต่ยังมีความชุ่มชื้นอยู่ ให้ปิดไฟ ตักไข่ข้นราดบนข้าวสวยร้อนๆ พร้อมเสิร์ฟ

เคล็ดลับความอร่อย:

ใช้ไฟอ่อน: การใช้ไฟอ่อนจะช่วยให้ไข่สุกอย่างช้าๆ และมีความนุ่มชุ่มชื้น
คนไข่ตลอดเวลา: การคนไข่ตลอดเวลาจะช่วยให้ไข่สุกแบบข้นๆ และไม่ติดกระทะ
อย่าให้ไข่สุกเกินไป: ไข่ข้นที่อร่อยจะต้องมีความชุ่มชื้นอยู่เล็กน้อย
เพิ่มความหลากหลาย: สามารถเพิ่มส่วนผสมต่างๆ ลงในไข่ข้นได้ตามชอบ เช่น หมูสับ แฮม ไส้กรอก หรือผักต่างๆ
จัดจานให้น่าทาน: การจัดจานให้สวยงามจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับไข่ข้น

เคล็ดลับทำขาย:

เตรียมวัตถุดิบไว้ล่วงหน้า: เพื่อความรวดเร็วในการทำอาหาร
ใช้กระทะเทฟลอน: จะช่วยให้ไข่ข้นไม่ติดกระทะ
ควบคุมปริมาณ: ตวงส่วนผสมให้ได้ปริมาณที่แน่นอน เพื่อให้รสชาติคงที่
บรรจุภัณฑ์: เลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่สะอาดและปลอดภัย
โปรโมท: โปรโมทสินค้าของคุณผ่านช่องทางต่างๆ เช่น โซเชียลมีเดีย หรือปากต่อปาก
รักษาความสะอาด: รักษาความสะอาดของวัตถุดิบและอุปกรณ์

ข้อควรระวัง:

ความสะอาดของวัตถุดิบและอุปกรณ์
ความสดใหม่ของวัตถุดิบ
รสชาติที่ถูกปากลูกค้า
การเก็บรักษาวัตถุดิบที่ถูกต้อง
หวังว่าสูตรและเคล็ดลับเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการทำไข่ข้นขายสร้างอาชีพนะคะ

5
คุณสมบัติของผ้ากันไฟ

คุณสมบัติของ ผ้ากันไฟ (Fireproof Fabric / Fire Blanket / Heat Resistant Fabric) คือลักษณะเด่นที่ทำให้ผ้าเหล่านี้สามารถปกป้องคนและทรัพย์สินจากอันตรายที่เกิดจากความร้อนสูงและเปลวไฟได้ นี่คือคุณสมบัติหลัก ๆ ครับ:

ไม่ติดไฟและไม่ลามไฟ (Non-flammable / Non-combustible / Flame Retardant):

นี่คือคุณสมบัติที่สำคัญที่สุด ผ้ากันไฟถูกออกแบบมาให้ไม่เป็นเชื้อเพลิง หมายความว่ามันจะไม่ลุกไหม้, ไม่ลามไฟ, หรือละลายเป็นหยดไฟเมื่อสัมผัสกับประกายไฟ สะเก็ดไฟ เปลวไฟโดยตรง หรือความร้อนสูง

บางชนิดอาจ "ไหม้เกรียม" (char) ได้เมื่อเจอความร้อนสูงมาก แต่จะไม่เป็นเปลวไฟลุกลาม


ทนความร้อนสูง (High Heat Resistance):

ผ้ากันไฟแต่ละชนิดมีความสามารถในการทนอุณหภูมิใช้งานต่อเนื่อง (Continuous Operating Temperature) และอุณหภูมิสูงสุดที่ทนได้ (Peak / Intermittent Temperature) แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับวัสดุหลักที่ใช้ผลิต

ผ้าใยแก้ว (Fiberglass Fabric): โดยทั่วไปทนอุณหภูมิใช้งานต่อเนื่องได้ประมาณ 450 ∘ C−550 ∘ C

ผ้าซิลิก้า (Silica Fabric): ทนอุณหภูมิใช้งานต่อเนื่องได้สูงกว่ามาก ประมาณ 850 ∘ C−1,000 ∘ C หรือบางชนิดสูงกว่า

ผ้าเซรามิกไฟเบอร์ (Ceramic Fiber Fabric): ทนอุณหภูมิได้สูงกว่าซิลิก้าอีก (เกิน 1,200 ∘ C) แต่มักมีความยืดหยุ่นน้อยกว่าและเปราะกว่า

คุณสมบัตินี้ทำให้ผ้าคงสภาพและป้องกันการถ่ายเทความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนจัด

ทนสะเก็ดไฟเชื่อมและประกายไฟ (Spatter & Spark Resistance):

สำหรับผ้าที่ใช้ในงานเชื่อมโดยเฉพาะ ต้องสามารถทนทานต่อการกระเด็นของสะเก็ดไฟโลหะหลอมเหลวและประกายไฟที่มีอุณหภูมิสูงมากได้โดยไม่ไหม้ทะลุ หรือเกิดความเสียหายอย่างรวดเร็ว


น้ำหนักเบา (Lightweight):

ผ้ากันไฟส่วนใหญ่มักมีน้ำหนักเบา ทำให้ง่ายต่อการยก, คลุม, โอบ, หรือติดตั้งเป็นม่านกั้น ช่วยลดภาระทางกายภาพในการทำงาน และสะดวกในการเคลื่อนย้าย


ยืดหยุ่นและทนทาน (Flexible & Durable):

ต้องมีความยืดหยุ่นเพียงพอที่จะสามารถนำไปใช้งานในรูปทรงต่างๆ ได้ง่าย เช่น การคลุมอุปกรณ์ที่ไม่สม่ำเสมอ หรือทำเป็นม่านกั้น

มีความทนทานต่อการฉีกขาด, การเสียดสี (Abrasion Resistance), และการใช้งานซ้ำๆ ได้ดี เพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนาน


ไม่ระคายเคืองผิว (Non-Irritating / Skin-Friendly):

ผ้ากันไฟบางชนิด โดยเฉพาะใยแก้วที่ไม่ได้ผ่านการเคลือบผิว อาจมีเส้นใยขนาดเล็กหลุดออกมาทำให้เกิดอาการคันหรือระคายเคืองต่อผิวหนังและระบบทางเดินหายใจ

ผ้ากันไฟรุ่นใหม่ๆ หรือที่ผ่านการเคลือบผิวด้วยซิลิโคน หรือสารอื่นๆ จะช่วยลดปัญหานี้ได้อย่างมาก ทำให้ปลอดภัยและสบายต่อผู้ใช้งานมากขึ้น


ปลอดแร่ใยหิน (Non-Asbestos):

เป็นคุณสมบัติที่สำคัญมากในปัจจุบัน เนื่องจากแร่ใยหินถูกพิสูจน์แล้วว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง ผ้ากันไฟที่ผลิตในปัจจุบันทุกชนิดต้องรับรองว่าปราศจากแร่ใยหิน


ทนทานต่อสารเคมี (Chemical Resistance):

ผ้ากันไฟบางชนิด โดยเฉพาะผ้าซิลิก้า สามารถทนทานต่อการกัดกร่อนจากกรด, ด่าง, หรือสารเคมีบางชนิดได้ดี ทำให้เหมาะสำหรับใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีสารเคมี


การเคลือบผิว (Coating):

ผู้ผลิตมักจะเคลือบผิวผ้ากันไฟด้วยวัสดุต่างๆ เพื่อเพิ่มคุณสมบัติพิเศษ เช่น:

เคลือบซิลิโคน (Silicone Coated): เพิ่มความททนทานต่อการขัดถู, กันน้ำ, กันน้ำมัน, ลดการระคายเคือง, และเพิ่มความแข็งแรง (แม้ซิลิโคนจะทนความร้อนได้ไม่สูงเท่าผ้าหลัก แต่จะทนไฟได้ดีและเป็นเกราะป้องกัน)

เคลือบเวอร์มิคูไลท์ (Vermiculite Coated): ช่วยเพิ่มคุณสมบัติการทนความร้อนและการขัดถู

เคลือบ PU (Polyurethane Coated): เพิ่มความแข็งแรงและทนทานต่อการเสียดสี

คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้ผ้ากันไฟเป็นเครื่องมือป้องกันที่จำเป็นและมีประสิทธิภาพสูงในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับความร้อนสูงและเปลวไฟ เพื่อความปลอดภัยของพนักงานและทรัพย์สิน.

6
บริการทำความสะอาด: ขจัดคราบเครื่องครัวง่ายๆ 5 แบบ

ปัญหา การทำความสะอาด เครื่องครัว เป็นปัญหาหลักที่ต้องเจอครั้งต้องเตรียมวัตถุดิบเพื่อทำอาหารเสร็จแล้วยังต้องมาล้างทำความสะอาดอุปกรณ์เครื่องครัวอีกต่างหากและบางอย่างทำความสะอาดยากซะเหลือเกินทั้งคราบสกปรกและกลิ่นเหม็นปัญหาหลักที่ทำความสะอาดแสนจะยากไม่ว่าจะเป็นคราบไม่ติดหม้อ , กลิ่นคาวติดเขียง และอื่นๆสารพัด

เรามีวิธีทำความสะอาดเครื่องครัวง่ายๆมาฝากกัน

1.การล้างคราบไหม้บนกระทะและหม้อ

สนใจที่เราทอดปลาหรือทำอาหารต่างๆที่ต้องใช้ไฟแรงๆสิ่งที่ต้องเจอคือคราบไหม้ดำติดกระทะและยากที่จะทำความสะอาดแต่วัตถุดิบในครัวก็สามารถที่จะทำความสะอาดได้เช่น น้ำส้มสายชูและเกลือมาผสมกันจนกลายเป็นเนื้อสครับแล้วนำไปขัดบนคราบไหม้ในกระทะหรือหม้อให้หลุดออกได้หรือหากภาพหนักติดแน่นมากๆจนขัดไม่ออกให้ใช้วิธีเทน้ำผสมกับน้ำส้มสายชูเข้าด้วยกัน เทลงตรงตรงคราบไหม้บนกระทะหรือหม้อแล้วนำไปต้มเรื่อยๆคราบที่ติดอยู่ก็จะค่อยๆหลุดออกมา


2.กลิ่นคาวบนเขียง

สิ่งที่ติดกับเขียงหลังจากเตรียมอาหารเสร็จคือคราบและกลิ่นคาวผ้าทำความสะอาดด้วยน้ำยาปกติคราบก็จะหลุดออกได้แต่ที่ลงเรือคือกลิ่นคาวสะสมและฆ่าเชื้อราวิธีทำความสะอาดคือใช้เปลือกมะนาวและเกลือเล็กน้อยนำไปถูบนเตียงก่อนจะนำไปล้างทำความสะอาดส่วนคราบราดำให้นำเขียงไปแช่ในน้ำร้อนที่ผสมน้ำส้มสายชูคราบก็จะหลุดออกเอง


3.คราบข้าวแข็งบนหม้อหุงข้าว

หลายๆบ้านคงใช้หม้อหุงข้าวแบบเดิมๆอยู่ ซึ่งทำให้ข้าวแห้งติดหม้อวิธีแก้ง่ายๆโดยการเปลี่ยนจากน้ำธรรมดาแช่เป็นแค่น้ำร้อนแทนซึ่งน้ำร้อนจะทำให้ข้าวที่แห้งเปลือยหลุดออกเองทำให้ทำความสะอาดได้ง่าย


4.กลิ่นคาวติดครก

กลิ่นเครื่องเทศที่ติดอยู่ในครก วิธีแก้ง่ายๆโดยใช้ข้าวสาร 1 กำมือใส่ครกและน้ำเปล่าเล็กน้อย ตำไปเรื่อยๆจนละเอียด ข้าวสารจะช่วยดูดกลิ่นที่ติดครกออกไปนั่นเอง


5.คราบตะกรันในกระติกน้ำร้อน

คราบตะกรันเกาะเต็มพื้นด้านในกระติกน้ำร้อน มีวิธีทำความสะอาดง่ายๆคือ เทน้ำลงไปให้ท่วมก้นกระติกและเติมน้ำส้มสายชูไป 5 ช้อนโต๊ะต้มให้เดือดและแช่ไว้ประมาณครึ่งวัน คราบก็จะหลุดออกทำให้ล้างทำความสะอาดได้ง่าย

7
หมอออนไลน์: ดียูบี (Dysfunctional uterine bleeding/DUB)

ดียูบี เป็นภาวะที่มีเลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูกที่ไม่มีพยาธิสภาพเฉพาะที่ตรวจพบ เช่น เนื้องอก หรือการอักเสบของมดลูกหรือการตั้งครรภ์

พบได้ในผู้หญิงทุกวัย แต่จะพบมากในระยะเข้าสู่วัยสาวขณะที่มีประจำเดือนครั้งแรก และในระยะวัยกลางคน เมื่อใกล้จะหมดประจำเดือนอย่างถาวร

เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยของภาวะมีเลือดออกทางช่องคลอดมากหรือนานผิดปกติ


สาเหตุ

เกิดจากการเสียสมดุลระหว่างฮอร์โมนเพศหญิง ได้แก่ เอสโทรเจน (estrogen) และโพรเจสเทอโรน (progesterone) ซึ่งมักจะเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด ทำให้มีเอสโทรเจนในร่างกายสูงกว่าปกติ ซึ่งเป็นเหตุให้เยื่อบุมดลูกหนาตัวขึ้น แล้วทำให้มีเลือดออกจากโพรงมดลูกผิดปกติตามมา มักพบในผู้หญิงที่มีรอบเดือนที่ไม่มีการตกไข่ (anovulatory cycle)

อาการ

ผู้ป่วยจะมีเลือดคล้ายเลือดประจำเดือนออกมาก หรือกะปริดกะปรอยนานเป็นสัปดาห์ ๆ โดยมากจะไม่มีอาการปวดท้องร่วมด้วย เลือดอาจออกมากจนผู้ป่วยซีด อ่อนเพลีย

บางรายอาจมีประวัติประจำเดือนขาดนำมาก่อนสัก 2-3 เดือน


ภาวะแทรกซ้อน

ภาวะโลหิตจางจากการเสียเลือด

ในรายที่มีเลือดออกมากและเร็ว อาจเกิดภาวะช็อก


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการขั้นต้น

การตรวจร่างกายมักตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติชัดเจน

ในรายที่มีเลือดออกมาก อาจตรวจพบภาวะซีด

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจภายในช่องคลอด อาจต้องตรวจเลือด (ประเมินภาวะซีด และการแข็งตัวของเลือด) ตรวจปัสสาวะ (ดูว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่) การตรวจอัลตราซาวนด์ผ่านทางช่องคลอด (transvaginal ultrasonography) เพื่อดูว่ามีการหนาตัวของเยื่อบุมดลูกหรือไม่ และอาจต้องตรวจพิเศษอื่น ๆ ถ้าสงสัยมีพยาธิสภาพในโพรงมดลูก เช่น ตรวจชิ้นเนื้อในรายที่สงสัยเป็นมะเร็งเยื่อบุมดลูก ในผู้ป่วยอายุมากกว่า 35 ปี


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ในรายที่มีเลือดออกน้อย ไม่ซีดหรือซีดเล็กน้อย และยังทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ แพทย์จะให้ยาบำรุงโลหิต และอาจให้ยาฮอร์โมนในรายที่มีภาวะซีด เพื่อควบคุมให้เลือดออกน้อยลง

2. ในรายที่มีเลือดออกปานกลาง มีภาวะซีดเล็กน้อย แต่ยังรู้สึกตัวดี ความดันโลหิตและชีพจรเป็นปกติ แพทย์จะให้ฮอร์โมนบำบัด และให้ยาบำรุงโลหิต

3. ในรายที่มีเลือดออกมาก มีภาวะซีดมาก หรือมีชีพจรเต้นเร็ว หรือภาวะช็อก แพทย์จะรับตัวผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล ให้เลือดในรายที่เสียเลือดมาก และให้ยาฮอร์โมนเพื่อควบคุมภาวะเลือดออก

4. ถ้าให้ยาฮอร์โมนแล้วเลือดไม่หยุด (ปกติควรจะหยุดภายใน 24 ชั่วโมง หรือภายใน 2-3 วัน) หรือพบในผู้ป่วยอายุมากกว่า 35 ปี แพทย์อาจทำการขูดมดลูก และทำการตรวจชิ้นเนื้อ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้เป็นมะเร็งโพรงมดลูก ในบางรายแพทย์อาจใช้กล้องส่องตรวจโพรงมดลูก (hysteroscopy) เพื่อตรวจพยาธิสภาพในโพรงมดลูก

การขูดมดลูกจะช่วยให้เลือดหยุดได้ หลังจากนั้นจำเป็นต้องให้กินยาเม็ดคุมกำเนิดนานอย่างน้อย 3-6 เดือน
เพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ

ในรายที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาฮอร์โมนหรือมีความผิดปกติของโพรงมดลูก (เช่น เนื้องอกมดลูก มะเร็งมดลูก) ก็จะให้การรักษาด้วยการผ่าตัดมดลูก


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีเลือดคล้ายเลือดประจำเดือนออกมาก หรือกะปริดกะปรอยนานเป็นสัปดาห์ ๆ ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นดียูบี ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลา
    มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หรือหน้าตาซีดกว่าปกติ
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล เนื่องจากโรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด

ควรหาทางป้องกันไม่ให้โรคกลายเป็นรุนแรงด้วยการดูแลรักษากับแพทย์อย่างจริงจังและต่อเนื่อง


ข้อแนะนำ

ผู้ป่วยที่มีเลือดประจำเดือนออกมากหรือกะปริดกะปรอย อาจมีสาเหตุจากดียูบี ซึ่งมักไม่มีอันตรายร้ายแรง (นอกจากทำให้เสียเลือด) และสาเหตุจากความผิดปกติของมดลูก เช่น เนื้องอกมดลูก มะเร็งเยื่อบุมดลูก มะเร็งปากมดลูก เป็นต้น ซึ่งมักพบในผู้หญิงอายุมากกว่า 35 ปี รวมทั้งภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์ เช่น ครรภ์นอกมดลูก แท้งบุตร เป็นต้น ดังนั้น จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยสาเหตุให้แน่ชัด

8
งานฝีมือ การทำ กำไลมงคล จากหิน

การทำ กำไลมงคลจากหิน เป็นงานฝีมือที่ได้รับความนิยมมากค่ะ นอกจากจะได้เครื่องประดับที่สวยงามแล้ว ยังมีความเชื่อว่าหินแต่ละชนิดมีพลังงานและคุณสมบัติที่เป็นมงคลแตกต่างกันไป การทำกำไลเองยังช่วยให้เราได้เลือกหินที่ถูกใจและออกแบบในสไตล์ที่เป็นตัวเราเองด้วยค่ะ

1. การเลือกหินมงคล

นี่คือหินมงคลยอดนิยมบางส่วน พร้อมความหมายสั้นๆ ที่มักจะใช้ในการทำกำไล:

หินลาวา (Lava Stone): ความแข็งแกร่ง, ความมั่นคง, การปกป้อง, ช่วยปรับสมดุลอารมณ์

อเมทิสต์ (Amethyst): หินแห่งจิตวิญญาณ, ความสงบ, ปัญญา, ช่วยลดความเครียด

โรสควอตซ์ (Rose Quartz): หินแห่งความรัก, เมตตา, ความอ่อนโยน, เสริมเสน่ห์

ไทเกอร์อาย (Tiger's Eye): หินแห่งความกล้าหาญ, โชคลาภ, ความมั่งคั่ง, ปกป้องคุ้มครอง

หยก (Jade): ความเจริญรุ่งเรือง, อายุยืน, โชคดี, ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย

อาเกต (Agate): ความสมดุล, ความมั่นคง, เสริมสร้างพลังชีวิต, ป้องกันพลังงานลบ

ออบซิเดียน (Obsidian): ป้องกันสิ่งชั่วร้าย, ดูดซับพลังงานลบ, เสริมความมั่นคง

ควอตซ์ใส (Clear Quartz): หินแห่งการบำบัด, เสริมพลังงานด้านบวก, ชำระล้าง

ลาพิส ลาซูลี (Lapis Lazuli): สติปัญญา, ความจริง, ความซื่อสัตย์, การสื่อสาร

มูนสโตน (Moonstone): หินแห่งความรัก, อารมณ์, ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน, เสริมเสน่ห์

เคล็ดลับการเลือกหิน:

เลือกหินตามความหมายที่คุณต้องการเสริมในชีวิต

เลือกหินตามวันเกิด หรือราศี (บางคนเชื่อในหลักโหราศาสตร์)

เลือกหินตามความรู้สึก ดึงดูดสายตา หรือสัมผัสแล้วรู้สึกดี

พิจารณาสีของหินที่ชอบ หรือเข้ากับสไตล์การแต่งตัว


2. อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม

ลูกปัดหินมงคล: ขนาดและชนิดตามต้องการ (นิยมขนาด 6 มม. ถึง 10 มม.)

เอ็นยืด/เอ็นไหม: ชนิดยืดหยุ่น เหนียว และทนทาน (นิยมขนาด 0.8 มม. - 1.0 มม. หรือตามขนาดรูหิน)

กรรไกร: สำหรับตัดเอ็น

กาวใส: เช่น กาวตราช้าง, กาว E6000 (สำหรับแตะปลายปมให้แน่น)

ไม้บรรทัด หรือสายวัด: สำหรับวัดขนาดข้อมือ

(ไม่บังคับ) ลูกปัดคั่น: ลูกปัดโลหะ, ลูกปัดคริสตัล, จี้เล็กๆ สำหรับตกแต่ง

(ไม่บังคับ) แผ่นรองร้อยลูกปัด: ช่วยในการจัดเรียงและออกแบบ


3. วิธีการทำกำไลหินมงคล

วัดขนาดข้อมือ: ใช้สายวัดหรือกระดาษพันรอบข้อมือ แล้วบวกเพิ่มประมาณ 1-2 ซม. เพื่อให้ใส่สบาย (สำหรับกำไลลูกปัดประมาณ 18-20 เม็ด สำหรับหินขนาด 8 มม. สำหรับข้อมือมาตรฐาน 16 ซม.)

ตัดเอ็น: ตัดเอ็นยืดความยาวประมาณ 2 เท่าของความยาวกำไลที่ต้องการ (เช่น กำไล 18 ซม. ตัดเอ็นยาวประมาณ 36 ซม. เผื่อสำหรับผูกปม)

ร้อยลูกปัด:

เริ่มร้อยลูกปัดหินลงบนเอ็นทีละเม็ด โดยร้อยจากปลายเอ็นด้านใดด้านหนึ่ง

หากต้องการใช้ลูกปัดคั่น หรือจี้ ให้ร้อยสลับกับลูกปัดหินตามการออกแบบที่วางไว้

ร้อยไปเรื่อยๆ จนได้ความยาวที่ต้องการ (ลองนำมาพันข้อมือเพื่อทดสอบขนาด)

ผูกปม:

เมื่อร้อยลูกปัดครบตามขนาดที่ต้องการแล้ว นำปลายเอ็นทั้งสองด้านมาผูกเข้าด้วยกัน

วิธีผูกปม: ทำปมขัดธรรมดา 1 ครั้ง จากนั้นทำปมขัดซ้อนอีก 1-2 ครั้ง ให้แน่น

ปมแพทย์ (Surgeon's Knot): เป็นวิธีที่นิยมเพราะแข็งแรง ให้ไขว้ปลายเอ็นเข้าหากัน ทำปมขัดธรรมดา 1 ครั้ง จากนั้นทำซ้ำอีกครั้งแต่สลับปลายเอ็นด้านบน/ล่าง (เหมือนปมขัด 2 ชั้นในครั้งเดียว) ดึงให้แน่น

ดึงปมให้รัดแน่นที่สุด พยายามให้ปมไปซ่อนอยู่ด้านในรูของลูกปัดเม็ดใดเม็ดหนึ่ง เพื่อความสวยงามและป้องกันการหลุดลุ่ย

เก็บปลายและติดกาว:

ตัดปลายเอ็นที่เหลือให้ชิดกับปมมากที่สุด แต่อย่าตัดจนชิดเกินไปจนปมคลาย

แตะกาวใส (เช่น กาวตราช้าง) เล็กน้อยลงบนปมที่ผูกไว้ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและป้องกันปมคลายตัว ปล่อยให้กาวแห้งสนิท

ตรวจสอบ: ลองดึงกำไลเบาๆ เพื่อทดสอบความแข็งแรงของปม และตรวจสอบว่าลูกปัดทั้งหมดเรียงตัวสวยงาม


4. ไอเดียการออกแบบเพิ่มเติม

กำไลหินผสม: ใช้หินมงคลหลายชนิดร้อยรวมกัน เพื่อเสริมคุณสมบัติที่หลากหลาย (เช่น โรสควอตซ์+อเมทิสต์ สำหรับความรักและความสงบ)

เพิ่มจี้/ชาร์ม: ร้อยจี้สัญลักษณ์มงคลต่างๆ (เช่น จี้เงิน, จี้ทอง, จี้รูปมงคล) เข้าไปในกำไล

ใช้ลูกปัดคั่นดีไซน์เก๋ๆ: เลือกใช้ลูกปัดโลหะคั่นที่มีลวดลายสวยงาม หรือลูกปัดคริสตัลระยิบระยับ

กำไลสายคู่/สายถัก: หากมีทักษะ อาจลองใช้เอ็นหลายเส้นมาถักเปียหรือถักลาย แล้วร้อยลูกปัดเข้าไปในบางส่วนของลายถัก

การทำกำไลหินมงคลเป็นงานฝีมือที่ทั้งสนุกและได้ผลงานที่มีความหมายดีงามค่ะ ลองเริ่มจากการออกแบบง่ายๆ ก่อน แล้วค่อยๆ พัฒนาฝีมือและเทคนิคให้ซับซ้อนขึ้นนะคะ

9
จัดฟันบางนา: อายุการใช้งานและการดูแลรักษาที่ถูกต้องของการครอบฟัน

หลายคนทราบดีว่า การทำครอบฟัน คือการครอบหรือคลุมฟันที่เกิดความเสียหายให้กลับมาแข็งแรง คืนรูปร่าง ขนาด และลักษณะภายนอกให้ดีขึ้น สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟัน ในแง่ของการเกิดฟันผุ ฟันแตก ฟันร้าว ซึ่งเป็นอุปสรรคในการทำความสะอาดช่องปากและฟัน หรือแม้กระทั่งการรับประทานอาหาร ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้ปัญหาเหล่านี้เข้ารับการทำครอบฟัน โดยการทำครอบฟันนั้น จะใช้วัสดุในการครอบฟันแบบถาวร ก็คือ โลหะผสม เซรามิก หรือทองผสม เป็นต้น ในส่วนของวัสดุที่ใช้ครอบฟันแบบชั่วคราว ได้แก่ พลาสติกและโลหะ ซึ่งการทำครอบฟันก็จะมีประโยชน์และข้อดีต่อสุขภาพช่องปากและฟันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันไม่ให้ฟันที่อ่อนแอแตกหักหรือถูกทำลาย ในกรณีที่เข้ารับการรักษารากฟันก็ต้องมีความจำเป็นต้องทำการครอบฟัน เพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแรงของฟันที่มีการอุดขนาดใหญ่

นอกจากนี้ยังประโยชน์ในเรื่องของการช่วยยึดสะพานฟัน ปกปิดสภาพฟันที่ดูไม่ดีหรือมีสีฟันที่ไม่ปกติ และสุดท้ายก็คือ ทำครอบฟันเพื่อความสวยงามของฟัน ทำให้รู้สึกมั่นใจ มีรอยยิ้ม ฟันสวยเป็นธรรมชาติอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การทำครอบฟันถึงแม้ว่าจะมีข้อดีตามที่กล่าวมา แต่ผู้เข้ารับการรักษาก็ควรที่จะดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากฟันด้วย เพราะครอบฟันก็มีอายุการใช้งาน มีการสึกได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น วันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงอายุการใช้งานของครอบฟันและวิธีการดูแลครอบฟันอย่างถูกวิธี เพื่อที่จะได้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับอายุการใช้งานของครอบฟัน จะมีอายุการใช้งานได้ยาวนานกว่า 10 ปี ซึ่งต้องอาศัยการดูแลสุขภาพช่องปากของแต่ละบุคคลด้วย ซึ่งผู้เข้ารับการรักษาจะต้องแปรงฟันที่ถูกวิธี และใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อการทำความสะอาดได้อย่างเต็มที่ และที่สำคัญผู้เข้ารับการรักษาจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด รวมถึงควรรับประทานอาหารที่อ่อนนุ่ม ไม่แข็งหรือเหนียวเกินไป ครอบฟันถูกใช้งานอย่างทะนุถนอม จะช่วยทำให้ครอบฟันของเราใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยาวนานขึ้นนั่นเอง

เพราะฉะนั้น ในเรื่องของการทำความสะอาดช่องปากและฟัน จึงเป็นเรื่องที่ควรเอาใจใส่เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีปัญหาสุขภาพช่องปากและฟัน หรือผู้ที่ไม่มีปัญหา เพราะการทำความสะอาดช่องปาก เป็นกิจวัตรที่ทุกคนจะต้องทำอยู่แล้ว ดังนั้น หากเราอยากมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี ก็ควรที่จะดูแลรักษาความสะอาดให้ดี และพฤติกรรมการรับประทานอาหารก็มีความสำคัญด้วยเช่นเดียวกัน ต่อมาในเรื่องของการดูแลรักษาความสะอาดครอบฟันอย่างถูกวิธี อย่างแรกเลยคือ ผู้เข้ารับการรักษาควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่แข็งและเหนียว เพราะจะทำให้ครอบฟันหลุดหรือแตกได้ ซึ่งก็อาจจะทำให้การแก้ไขทำได้ยากยิ่งขึ้นด้วย และควรทำความสะอาดช่องปากและฟันด้วยการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันบริเวณครอบฟัน เพื่อป้องกันการเกิดโรคเหงือกอักเสบ และเพื่อเป็นการทำความสะอาดครอบฟันให้สามารถมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น

นอกจากนี้ ผู้เข้ารับการรักษาบางรายอาจจะมีอาการเสียวฟัน ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับผู้เข้ารับการรักษาบางราย หากมีอาการให้งดรับประทานอาหารร้อนหรือเย็นเกินไป และทำความสะอาดอย่างถูกวิธี และควรเข้าพบทันตแพทย์ทุกๆ 6 เดือนหรือปีละ 2 ครั้ง เพื่อเข้ารับการตรวจลักษณะของครอบฟันและตรวจสุขภาพช่องปากและฟันเพื่อให้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี

ทางคลินิกเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรง และปราศจากปัญหาที่เกี่ยวกับช่องปาก เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นใจ นอกจากเราจะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพของคุณได้ดีขึ้นได้อีกด้วย หากใครสนใจเข้ารับการรักษาด้วยการทำครอบฟัน สามารถติดต่อกับทางคลินิกได้ เพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของทันตกรรมคอยให้คำปรึกษา เพื่อให้คุณมีสุขภาพช่องปากที่ดี

10
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


11
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


12
รถไฟฟ้า ev ปอร์เช่ Porsche Macan 4 ปี 2024
5,390,000 บาท

ปอร์เช่ Porsche Macan 4 ปี 2024
Porsche Macan 4 ยนตรกรรมสปอร์ต SUV พลังงานไฟฟ้ารุ่นที่ 2 จะผลิตกำลังโอเวอร์บูสต์ได้สูงถึง 300 กิโลวัตต์ หรือ 408 แรงม้า สามารถเร่งความเร็วจากจุดหยุดนิ่งไปถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ในเวลา 5.2 วินาที และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่อยู่ใต้ท้องรถ โดยมีความจุรวม 100 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถรองรับการชาร์จไฟกระแสตรง (DC) สูงถึง 270 กิโลวัตต์ สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ตั้งแต่ 10 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ภายในเวลาประมาณ 21 นาที

สนใจรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อที่โชว์รูม และศูนย์บริการของ ปอร์เช่ประเทศไทย โดย เอเอเอสกรุ๊ป ได้ทั้ง 4 สาขา Porsche Centre Bangkok โทร 02-522-6655, Porsche Centre Pattanakarn โทร 02-369-1111, Porsche Studio Siam Paragon ชั้น 2 โทร 02-610-9911 และ Porsche Studio Bangkok ICONSIAM ชั้น 1 โทร 02-288-0911

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์                    Porsche
   รุ่น                         ปอร์เช่ Porsche Macan 4 ปี 2024
   ประเภทรถ                 รถอเนกประสงค์ SUV, Electric - EV
   ปีที่เปิดตัว                  2024
   ราคา                      5,390,000 บาท

ดีไซน์
   ภายนอก
อุปกรณ์ชุดแต่ง (เสกิร์ตข้าง,ดิฟฟิวเซอร์หลัง)
สปอยเลอร์หลัง (ปรับได้)
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว
กระจกกรองแสง
ไฟตัดหมอก
ระบบไล่ฝ้ากระจกหน้าต่าง
ไฟหน้าส่องสว่างอัตโนมัติ
ปัดน้ำฝนกระจกหลัง
ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง
ราวหลังคา (ดำ)
ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์
ปัดน้ำฝนกระจกหน้าแบบพิเศษ (ทำงานอัตโนมัติ)
ไฟหน้า LED (LED Matrix)
ไฟ Daytime Running Lights (four-point daytime running lights)
ล้ออัลลอย (22)

   ภายใน
เบาะคนขับปรับสูง-ต่ำได้
ระบบจดจำปรับที่นั่งคนขับ
ระบบนำทาง (Navigator)
ตกแต่งภายใน (หนังแท้สลับโครมเมี่ยม)
ปลั๊กไฟ 12 โวลท์
พวงมาลัยหุ้มหนัง
พวงมาลัยปรับสูง-ต่ำได้
ภายในโทนสีเทา
กระจกมองหลังตัดแสง
หัวเกียร์หุ้มหนัง

สเปค
   มอเตอร์ไฟฟ้า                    มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว มีความเร็วสูงสุดที่ 220 กิโลเมตร/ชั่วโมง
   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)      แรงม้า
   ระบบเกียร์                        เกียร์อัตโนมัติ
   รูปแบบเกียร์                      Single-Speed transmission
   ระบบเบรค ABS                 มี
   ชนิดแบตเตอรี่                    ไฟฟ้า
   ความจุแบตเตอรี่                 100 kWh
   ระยะทางวิ่ง/การชาร์จ 1 ครั้ง   613 กม. (WLTP)
   น้ำหนักตัวรถ                      -
   ประเภทยางรถยนต์               -
   ขนาดล้อ (นิ้ว)                   ล้ออัลลอย (22)
   ระบบขับเคลื่อน                  ขับเคลื่อนสี่ล้อ Full Time

ระบบความปลอดภัย
  อุปกรณ์ความปลอดภัย
ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ระบบรักษาเสถียรภาพของรถ Porsche Stability Management (PSM))
ตัวถังนิรภัย
ดิสก์เบรก 4 ล้อ (พร้อมคาลิปเปอร์เบรกสีดำ)
เซ็นทรัลล็อค
สัญญาณกันขโมย
กุญแจรีโมท
กุญแจนิรภัย
ล็อคประตูอัตโนมัติ
ไฟเบรกดวงที่ 3
สัญญาณเตือนถอยหลัง
ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ
ระบบแจ้งอุปกรณ์ทำงานขัดข้อง
ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์
ระบบป้องกันการโจรกรรม
ระบบกระจายแรงเบรก EBD
หลอดไฟพิเศษระบบ Daytime Running Lights(DRL)
อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอื่นๆ (ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง (TPM),ระบบช่วยจอด (หน้าและหลัง) พร้อมกล้องถอยหลัง, ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ, ระบบช่วยทางแยก)
เข็มขัดนิรภัย
พวงมาลัยยุบตัวได้
กระจกนิรภัย
คานเหล็กเสริมนิรภัย
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก

13
สร้างรายได้ จากขายข้าวผัดกะเพราเนื้อสับไข่ข้นอาหารมื้อด่วนแสนอร่อย ความสุขแบบโฮมเมดแสนง่าย

ข้าวกะเพราเนื้อสับไข่ข้นเป็นเมนูยอดนิยมที่ทำง่ายและอร่อยมาก ๆ อาหารมื้อด่วนที่รสชาติอร่อยและอิ่มท้องไว้ทำกินเองที่บ้านข้าวกะเพราเนื้อสับผัดกะเพราไข่ข้นถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม อาหารไทยจานนี้ผสมผสานรสชาติที่เข้มข้นและอร่อยของเนื้อสับผัดกับกลิ่นหอมของกะเพรา เสิร์ฟคู่กับไข่ข้นและครีมมี่บนข้าวสวยร้อนๆต่อไปนี้เป็นสูตรและเคล็ดลับในการทำข้าวกระเพราเนื้อสับไข่ข้นให้อร่อยเหมือนร้านดัง

ทำไมคุณถึงจะรักอาหารจานนี้
เตรียมง่าย – ใช้ส่วนผสมเพียงไม่กี่อย่างและสามารถปรุงได้ภายใน 30 นาที
เต็มไปด้วยรสชาติ – การผสมผสานระหว่างกระเทียม พริก และโหระพาทำให้เกิดมื้ออาหารที่มีกลิ่นหอมและอร่อย
เหมาะสำหรับทุกเวลาไม่ว่าจะเป็นมื้อกลางวันหรือมื้อเย็น อาหารจานนี้ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับทุกวันในสัปดาห์

วัตถุดิบ
สำหรับเมนูเนื้อสับผัดกะเพรา:
เนื้อสับ 200 กรัม
กระเทียมสับ 2 กลีบ
พริกขี้หนู 2 เม็ดสับ (ปรุงรสตามชอบ)
ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 ช้อนชา
น้ำตาล 1 ช้อนชา
น้ำ 1/4 ถ้วย
ใบโหระพาสด 1 กำมือ
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ

สำหรับไข่เจียวครีม:
ไข่ 2 ฟอง
นม 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือเล็กน้อย
เนย 1/2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ

วิธีทำเนื้อสับผัดกะเพรา:
ตั้งน้ำมันในกระทะบนไฟปานกลาง
ผัดกระเทียมและพริกให้หอม
ใส่เนื้อสับลงไปผัดจนสุก
ใส่ซอสหอยนางรม ซอสถั่วเหลือง น้ำปลา น้ำตาล และน้ำเปล่า คนให้เข้ากัน
ใส่ใบโหระพาลงไปแล้วปิดไฟ

เตรียมออมเล็ตครีมมี่:
ตีไข่กับนมและเกลือ
ตั้งกระทะเทฟลอนบนไฟอ่อน ใส่เนยลงไป
เทส่วนผสมไข่ลงไป คนเบาๆ เพื่อสร้างเนื้อครีมนุ่มๆ
ยกออกจากเตาขณะที่น้ำยังเหลวเล็กน้อย
ให้บริการ:

ตักข้าวสวยร้อนๆ ใส่จาน
ใส่เนื้อผัดกะเพราไว้ด้านหนึ่ง
วางครีมไข่เจียวไว้ด้านบนหรือด้านข้าง
เพลิดเพลินกับแตงกวาสดหรือไข่ดาวเพื่อเพิ่มความเข้มข้น!

เนื้อสับผัดกะเพราและไข่เจียวครีมนี้เป็นอาหารที่ยอดเยี่ยมที่ทั้งอิ่มท้องและเต็มไปด้วยรสชาติ เหมาะสำหรับวันเร่งรีบที่คุณต้องการอะไรสักอย่างที่รวดเร็วแต่แสนอร่อย ลองทำกินเองที่บ้านและสัมผัสกับรสชาติอาหารไทยแท้ๆ ได้เลย!

14
คอนโดติดรถไฟฟ้า เรสซิเด้นซ์ 187 (Residence 187)
เริ่มต้น 6.3 ลบ.

เรสซิเด้นซ์ 187 (Residence 187)
คอนโดใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS นานา ในซอยสุขุมวิท 7 และห้างสรรพสินค้ามากมาย สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการครบครัน

 รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ             เรสซิเด้นซ์ 187 (Residence 187)
 เจ้าของโครงการ        เพอร์เฟค เพรสทิจ พร็อพเพอร์ตี้
 ราคา                     เริ่มต้น 6.3 ลบ.

 ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม.     เริ่มต้น 180,000 บ./ตร.ม.
 ลักษณะทำเล           คอนโดในเมือง, คอนโดย่านธุรกิจกลางเมือง, คอนโดใกล้ขนส่งสาธารณะ
 ความสูงคอนโด           Low Rise (ไม่เกิน 8 ชั้น)
 ลักษณะกรรมสิทธิ์        โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ประเภทห้องที่มี           1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน
 ขนาดห้องที่มี              ตั้งแต่ 36.00 ถึง 71.00 ตร.ม.
 เนื้อที่ทั้งหมด              2 งาน 48 ตร.ว.
 จำนวนตึก                 1 อาคาร
 จำนวนชั้น                 8 ชั้น
 จำนวนห้อง               79 ยูนิต
 ที่จอดรถทั้งหมด          43 คัน
 ค่าบำรุงส่วนกลาง          70.00 บ./ตร.ม.
 สาธารณูปโภค            สระว่ายน้ำ, รปภ., กล้องวงจรปิดโครงการ, ประตู Key Card, สวนหย่อม

 สถานที่ใกล้เคียง
 โซน           วัฒนา
 ที่ตั้ง           ซอยสุขุมวิท 7 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม.

 ขนส่งสาธารณะ
รถไฟฟ้า:                 ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม, สถานีหมอชิต - แบริ่ง(นานา)

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
เทอมินอล 21 อโศก
รพ.บำรุงราษฎร์
เซ็นทรัล ชิดลม
Foodland
Central Embassy
Central ชิดลม
Emporium
สวนเบญจสิริ
สวนชูวิทย์
รพ.บำรุงราษฎร์

15
จัดฟันเด็ก แก้อาการฟันแท้หาย เจ็บหรือไม่

เด็กหลายคนอาจจะมีความกลัวที่จะเข้ารับการตรวจฟัน ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะความกลัวเป็นอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้กับคนทุกวัยโดยเฉพาะในวัยเด็ก ไม่ว่าจะเป็นกลัวความเจ็บปวด กลัวคนแปลกหน้า ความกลัวกับสถานการณ์ ใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยประสบมาก่อน ซึ่งสาเหตุของความกลัวนั้นบางครั้งยากที่จะอธิบาย แต่ปัจจัยที่อาจส่งผลให้เด็กเกิดความกลัวต่อหมอฟันหรือการรักษาทางทันตกรรมได้ เช่น ประสบการณ์การพบแพทย์ในอดีต โดยเฉพาะเด็กที่เจ็บป่วยต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลบ่อยๆ ก็อาจจะกลัวคนที่ใส่ชุดฟอร์มสีขาว หรือการที่เด็กได้ฟังคําบอกเล่าเรื่องประสบการณ์ที่ไม่ดีต่อการรักษาทางทันตกรรม ไม่ว่าจะเป็นจากเพื่อน ญาติพี่น้อง และสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่อาจคาดไม่ถึงก็คือความกลัวต่อการรักษาทางทันตกรรมของตัวพ่อแม่ผู้ปกครองเอง ซึ่งเด็กอาจจะรับรู้ได้จากพฤติกรรมบางอย่าง หรือจากสีหน้าที่มีความกังวลที่พ่อแม่แสดงออกมาโดยไม่รู้ตัว เป็นต้น

ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เด้กกลัวการเข้ารับการรักษาทางทันตกรรม สำหรับสาเหตุอีกข้อหนึ่งที่ทำให้เด็กกลัวหมอฟันคือ กลัวความเจ็บปวด เพราะเด็กบางคนที่มีปัญหาในเรื่องฟัน และมีอาการปวดฟันบ่อยๆจะรู้สึกกลัวเวลาที่ต้องเข้ารับการรักษาทางทันตกรรม แต่ถ้าหากเด็กจำเป้นที่จะต้องเข้ารับการรักษาทางทันตกรรมด้วยการจัดฟันในเด็ก แต่ยิ่งถ้าเด็กมีปัญหาในเรื่องของฟันแท้หายหรือที่เราเรียกว่าฟันฝัง พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องพูดกับเด็กให้เข้าใจว่า เหตุใดเราต้องเข้ารับการจัดฟันในเด็ก หลายคนอาจจะยังมีความกังวลว่า การแก้ปัญหาฟันแท้หายด้วยการจัดฟันในเด็กนั้น เจ็บหรือไม่

วันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงเรื่องของการจัดฟันในเด็กที่ช่วยแก้ไขปัญหาฟันหายว่าเจ็บหรือไม่ ต้องบอกก่อนว่า การจัดฟันในเด็ก เป็นการรักษาและแก้ไขความผิดปกติของฟันของเด็ก เพราะเด็กบางคนที่การขึ้นของฟันที่ผิดปกติหรือบางครั้งอาจจะมีอาการฟันแท้หาย สำหรับอาการฟันแท้หายหรือฟันฝังนั้น ฟันฝัง คือฟันที่ไม่ขึ้นเองตามธรรมชาติ มันถูกฝังอยู่ในกระดูกขากรรไกร โดยไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใด ไปชนกับฟันซี่ข้างเคียงเหมือนฟันคุด ฟันฝังมีได้ทั้งฟันหน้า ฟันเขี้ยว และฟันซี่อื่นๆ การรักษาฟันฝัง มีทั้งการดึงให้ขึ้น หรือผ่าทิ้ง


สำหรับการแก้ไขอาการฟันแท้ขึ้นไม่ครบ ทันตแพทย์จัดฟันจะติดเครื่องมือจัดฟัน เพื่อเปิดช่องว่างให้ฟันแท้ขึ้น อาจถอนฟันน้ำนมบางซี่ที่ขวางทาง เพื่อเปิดช่องว่างให้ฟันแท้ขึ้น หรือใช้วิธีอื่นๆ ตามความเหมาะสม เมื่อมีพื้นที่มากพอ ก็มีโอกาสที่ฟันแท้จะขึ้นได้เองตามธรรมชาติ เมื่ออายุประมาณ 10-12 ปี แต่หากอายุมากกว่านี้ โอกาสที่ฟันแท้จะขึ้นเอง ก็อาจมีน้อยลง  ดังนั้นการเข้ารับกาจัดฟันในเด็ก จึงสามารถแก้ไขปัญหาอาการฟันได้ และการรักษาอาการฟันหายนั้น ก็ไม่เจ็บอย่างที่คิด แต่การรักษาอาการฟันหายจะต้องมีการผ่าตัดเล็กเพื่อติดตั้งเครื่องมือที่ฟันที่ถูกฝังอยู่ในกระดูกขากรรไกร แต่จะไม่ทำให้รู้สึกเจ็บมาก ทันตแพทย์จัดฟันจะเริ่มให้แรง เพื่อเคลื่อนฟันฝังให้โผล่ขึ้นมา ในตำแหน่งที่ต้องการ ขั้นตอนนี้อาจใช้เวลาเป็นปี กว่าที่ฟันฝังจะเคลื่อนมาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่พูดทำความเข้าใจกับเด็กเพื่อให้เห็นถึงความสำคัญในการรักษา เพื่อที่เด็กจะได้มีฟันที่สวยงาม สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดสนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านทันตกรรมในเด็ก จึงสามารถให้ความรู้และคำปรึกษาเกี่ยวกับการดูแลรักษาความสะอาดและวิธีการปฏิบัติตัวขณะเข้ารับการจัดฟัน เพื่อที่จะได้มีผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพและสามารถใช้งานฟันได้อย่างเต็มที่ เพราะเราอยากให้เด็กๆทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตั้งแต่ยังเด็ก เพื่อที่จะได้มีสุขภาพฟันที่ดีในอนาคต เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น

หน้า: [1] 2 3 ... 41
ลงประกาศฟรี ติดอันดับ Google โฆษณาฟรี ประกาศฟรี ขายฟรี ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ขายรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าอุตสาหกรรม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ สถานที่ท่องเที่ยว ลงโฆษณาฟรี google