ผู้เขียน หัวข้อ: all new mitsubishi triton 2024: Mitsubishi Triton เจนฯ 6 กลับมาขายใหม่ที่ญี่ปุ่น  (อ่าน 39 ครั้ง)

siritidaphon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 332
    • ดูรายละเอียด
all new mitsubishi triton 2024: Mitsubishi Triton เจนฯ 6 กลับมาขายใหม่ที่ญี่ปุ่นในรอบ 10 กว่าปี

หลังจากที่ Mitsubishi Triton 2024 ใหม่ได้ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี ล่าสุดทางมิตซูบิชิประเทศญี่ปุ่น ได้ประกาศวันที่ทางรถกระบะเจนฯ ใหม่ จะลงตลาดวางขายในดินแดนอาทิตย์อุทัยแล้ว โดยมีกำหนดลงโชว์รูมในวันที่ 15 ก.พ. 2024 นี้ โดยมีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่รุ่น GLS และรุ่น GLR โดยรถที่วางขายในแดนปลาดิบนี้จะถูกผลิตทั้งคันจากโรงงานในประเทศไทย

สำหรับ Mitsubishi Triton เจเนอเรชันที่ 6 ถูกนำไปวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นบ้านเกิดนี้ จะมีเฉพาะตัวถังแบบ Double Cab 4 ประตู ในด้านงานออกแบบมาพร้อมแนวคิดที่เรียกว่า Beast Mode (บีสท์ โหมด) ที่สะท้อนความบึกบึน และทรงพลังแบบฉบับ

ด้านหน้ายังมาในแบบไดนามิค ชิลด์ (Dynamic Shield) โดยในรุ่น GLR จะได้รับกระจังหน้าสีเดียวกัยตัวรถ พร้อมปั้มชื้อแบรนด์ M I T S U B I S H I ไว้ที่ขอบกระจังหน้าด้านบน ส่วนตรงกลางติดตราโลโก้ทรีไดมอนด์สีเงิน ส่วนในรุ่น GLS จะเป็นกระจังหน้าสีดำ ขณะที่ลายละเอียดจะเหมือนกับในรุ่นท็อป GLR

นอกจากนั้นในส่วนชุดแต่งที่ขอบชุดไฟหน้า ในรุ่น GLR จะเป็นสีดำ ลากยาวมาจรดถึงกันชนหน้า ส่วนในรุ่น GLS จะเป็นสีบรอนซ์เงิน เช่นเดียวกัยที่ฝาครอบกระจกแมองข้าง และมือเปิดประตู ในรุ่นท็อปจะเป็นสีดำ ส่วนรุ่นเริ่มต้นจะเป็นสีบรอนซ์เงิน นอกจากนั้นยังเติมความดุดันด้วยการ์ดกันกระแทกสีเงินในร่นท็อป ขณะที่รุ่นเริ่มต้นจะไม่มีติดตั้งมาให้

อีกทั้งในรุ่น GLR ยังมาพร้อมกับซุ้มล้อสีดำมาในแบบสามมิติ เข้าชุดกับล้ออัลลอยล้อรมดำขนาด 18 นิ้ว ส่วนในรุ่น GLS จะมีขนาด 18 นี้วเท่ากัน แต่จะมาในสีเทา

นอกจากนั้นในรุ่น GLR ยังได้รับการติดตั้งสปอยเลอร์บนขอบกระบะท้าย มาพร้อมไฟท้าย ไฟท้าย LED T-shaped และกันชนหลังสีเงิน

โดยในรุ่น GLR จะมีให้เลือก 4 เฉดสีได้แก่ สีส้ม Yamabuki Orange Metallic, สีขาว White Dimond, สีเทา Graphite Gray Metallic และสีดำ Jet Black Mica

ส่วนในรุ่น GLS จะมีให้เลือก 5 เฉดสีได้แก่ สีขาว White Dimond, สีเทา Graphite Gray Metallic, สีดำ Jet Black Mica, สีบรอนซ์เงิน Blade SilveR Metallic และสีแดง Red Solid

ภายในห้องโดสารทั้ง 2 รุ่นย่อยจะได้รับจอเรือนไมล์แบบ LCD ขนาด 7 นิ้ว ที่วางอยู่ด้านหลังพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันที่หุ้มด้วยวัสดุหนัง มาพร้อมหน้าจออินโฟเทนเมนท์ขนาด 9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto

ด้านชุดอุปกรณ์ภายในจะได้นับ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 2 โซน, ช่องต่อ USB ด้านหน้าแบบ Type-C / Type-A จุดละ 1 ตำแหน่งด้านหน้า และด้านหลัง 1 จุด, แท่นชาร์จมือถือไร้สายอยู่ที่ด้านล่างของแผงควบคุม

แผงคอนโซลกลางมีช่องวางแก้วน้ำที่รองรับแก้วขนาดใหญ่ 2 ใบ พร้อมกล่องเก็บของที่รองรับขวดพลาสติกขนาด 600 มิลลิเมตร ได้มากถึง 4 ขวด

สำหรับระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการกขับขี่ จะได้รับระบบป้องกันการชนด้านหน้าพร้อมตรวจจับคนเดินถนนและผู้ใช้จักรยาน, ระบบเตือนรถออกนอกเลน, ระบบป้องกันรถออกนอกเลน, ระบบเตือนมุมอับสายตา, ระบบช่วยเปลี่ยนเลน, ระบบไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ และระบบอ่านป้ายจราจร, กล้องมองภาพรอบคันพร้อมเซ็นเซอร์กะระยะ, ระบบช่วยเหลือการขับขี่ e-Assist, ประตูกระบะท้ายพร้อมระบบกุญแจล็อก เป็นต้น

ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนวอร์ชันญี่ปุ่นทั้ง 2 รุ่นย่อย จะมากัยขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ รหัส 4N16 ความจุ 2.4 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 470 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นบล็อกเดียวกับ Triton Athlete ที่จะเปิดตัวในประเทศไทยช่วงต้นปี 2567 นี้

ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Super Select 4WD-Ⅱ และระบบล็อกเฟืองท้าย

สำหรับ Mitsubishi Triton เวอร์ชั่นในตลาดญี่ปุ่น จะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 15 ก.พ. ที่จะถึงนี้ โดยในรุ่น GLS จะมีราคา 4,988,000 เยน หรือราว 1.2 ล้านบาท และรุ่น GLR เปิดราคาอยู่ที่ 5,401,000 เยน หรือประมาณ 1.3 ล้านบาท



 

ลงประกาศฟรี ติดอันดับ Google โฆษณาฟรี ประกาศฟรี ขายฟรี ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ขายรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าอุตสาหกรรม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ สถานที่ท่องเที่ยว ลงโฆษณาฟรี google