คาร์โนซีน สารอาหารสำคัญ บำรุงสมอง เสริมความจำคาร์โนซีน (Carnosine) เป็นหน่วยย่อยของโปรตีนที่ร่างกายสร้างขึ้นได้เอง โดยพบที่สมอง กล้ามเนื้อ หัวใจ ผิวหนัง และส่วนอื่น ๆ ในร่างกาย คาร์โนซีนมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต้านการอักเสบ ช่วยเสริมการทำงานของสมองและความจำ ช่วยชะลอวัย และอาจช่วยป้องกันหรือรักษาโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน อัลไซเมอร์ และมะเร็งอีกด้วย
คาร์โนซีนเป็นสารไดเปปไทด์ (Dipeptide) ที่ประกอบด้วยกรดอะมิโนสองชนิดคือ เบต้า-อะลานีน (β-alanine) และแอล-ฮีสทิดีน (L-Histidine) แม้ว่าร่างกายจะสร้างขึ้นได้เอง แต่ปริมาณคาร์โนซีนในร่างกายอาจลดลงเมื่ออายุมากขึ้น เราจึงควรได้รับคาร์โนซีนเพิ่มเติมจากการรับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อไก่ เนื้อวัว เนื้อหมู รวมทั้งสารสกัดในผลิตภัณฑ์ซุปไก่สกัด และอาหารเสริมในรูปแบบต่าง ๆ
ประโยชน์ของคาร์โนซีน
คาร์โนซีนมีประโยชน์ที่สำคัญต่อสุขภาพหลายด้าน เช่น
1. บำรุงสมองและความจำ
สมองของคนเรามีระบบป้องกันไม่ให้สารพิษและเชื้อโรคต่าง ๆ จากเลือดเข้าสู่สมอง (Blood Brain Barrier) จึงช่วยปกป้องสมองจากการได้รับอันตรายจากสารอันตรายที่อาจก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยตามมา คาร์โนซีนสามารถผ่าน Blood Brain Barrier เข้าสู่สมอง และช่วยป้องกันความเสียหายของสมองที่เกิดจาก Reactive Oxygen Species (ROS) ซึ่งเป็นอนุมูลอิสระที่สร้างความเสียหายต่อเซลล์ และอาจนำไปสู่โรคทางสมอง
คาร์โนซีนยังมีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ค้ำจุนระบบประสาทที่มีรูปร่างคล้ายปลาดาว ซึ่งทำหน้าที่คัดกรองสารที่จะผ่านเข้าออกในสมอง ช่วยให้เลือดไหลเวียนสู่สมองได้ตามปกติ รวมทั้งควบคุมสารสื่อประสาทที่ช่วยให้การสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาททำงานได้ดีขึ้น
เมื่อร่างกายได้รับสารคาร์โนซีน จะส่งผลให้เซลล์ค้ำจุนประสาทแตกแขนงสาขายาวขึ้นและเพิ่มจำนวนมากขึ้น จึงช่วยในการเจริญเติบโตและรักษาเซลล์สมองให้อยู่ในสภาวะที่ดี รวมทั้งเพิ่มความสามารถในการเรียนรู้และการจดจำทั้งในระยะสั้นและระยะยาวมากขึ้น
นอกจากนี้ คาร์โนซีนอาจช่วยลดความวิตกกังวล ชะลอความเหนื่อยล้าทางจิตใจ เพิ่มสมาธิในการจดจ่อกับสิ่งต่าง ๆ ได้ดี และช่วยให้สมองทำงานรวดเร็วขึ้นด้วย
2. ช่วยป้องกันและรักษาโรคทางสมอง
คาร์โนซีนอาจช่วยป้องกันโรคที่เกิดจากความเสื่อมของระบบประสาทและสมอง เช่น โรคอัลไซเมอร์ โรคความจำเสื่อม และโรคพาร์กินสันที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ อีกทั้งอาจช่วยป้องกันความเสียหายของสมอง เช่น ภาวะสมองบวม (Cerebral Edema) ในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบตัน (Ischemic Stroke) และช่วยให้สมองฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
ไม่เพียงเท่านั้น คาร์โนซีนอาจมีส่วนช่วยในการบรรเทาอาการของผู้ป่วยที่มีโรคทางจิตเวชและความบกพร่องทางสมองอื่น ๆ เช่น โรคจิตเภท (Schizophrenia) โรคลมชัก โรคออทิสติก โดยใช้ควบคู่กับการบำบัดรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ ซึ่งอาจช่วยให้ผู้ป่วยมีพัฒนาการทางความคิด อารมณ์ และพฤติกรรมได้ดีขึ้น
3. เสริมกล้ามเนื้อและสมรรถภาพร่างกาย
คาร์โนซีนเป็นสารประเภทโปรตีนที่พบมากในกล้ามเนื้อลาย (Skeletal Muscle) มีคุณสมบัติลดความเป็นกรดในกล้ามเนื้อ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการออกกำลังกาย และช่วยลดการสะสมกรดแลคติก (Lactic Acid) ที่ทำให้เกิดความเหนื่อยล้าและปวดเมื่อยจากการออกกำลังกาย รวมถึงช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากการบาดเจ็บได้เร็วขึ้น
นอกจากนี้ คาร์โนซีนยังช่วยป้องกันภาวะกล้ามเนื้อพร่อง (Sarcopenia) ซึ่งพบบ่อยในผู้สูงอายุ การได้รับคาร์โนซีนอย่างเพียงพอจะช่วยลดการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ เสริมความแข็งแรงและเสริมการทำงานของกล้ามเนื้อ ซึ่งจะช่วยป้องกันการหกล้มและการบาดเจ็บได้
4. ชะลอความแก่ของผิว
คาร์โนซีนจัดเป็นไดเปปไทด์ ซึ่งเป็นสารในกลุ่มโปรตีนที่พบในผิวหนังของเรา ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเกิดจากกระบวนการเผาผลาญในร่างกายของเรา หรืออาจได้รับจากปัจจัยภายนอก เช่น รังสียูวี ควันบุหรี่ และมลภาวะ อนุมูลอิสระเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวแก่ก่อนวัย และอาจนำไปสู่โรคมะเร็งผิวหนังได้
นอกจากนี้ คาร์โนซีนมีคุณสมบัติยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาไกลเคชัน (Antiglycation) ที่ช่วยลดการก่อตัวของ Advanced Glycation End-products (AGEs) ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ทำให้ผิวสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น มีริ้วรอย และดูแก่กว่าวัย
5. ป้องกันและรักษาโรคเรื้อรังต่าง ๆ
คาร์โนซีนอาจนำมาใช้ป้องกันหรือรักษาโรคอื่น ๆ เช่น
โรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular Diseases) และช่วยลดความเสี่ยงของภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis)
โรคเบาหวานชนิดที่ 2 โดยอาจช่วยชะลอความรุนแรงของโรค และลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อน
โรคต้อกระจก คาร์โนซีนที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระมีส่วนช่วยชะลอความเสื่อมของดวงตา จึงอาจช่วยป้องกันและรักษาโรคต้อกระจกได้
โรคมะเร็ง คาร์โนซีนอาจช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ และอาจช่วยกระตุ้นกระบวนการทำลายเซลล์ที่เสื่อมสภาพด้วย
แหล่งที่มาของคาร์โนซีน และการรับประทานให้ได้ประโยชน์
คาร์โนซีนเป็นสารอาหารที่ร่างกายสร้างขึ้นได้เอง และได้รับจากการรับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์เท่านั้น เช่น เนื้อไก่ เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อปลา และไข่ โดยจะไม่พบคาร์โนซีนในพืช ปกติแล้วคนทั่วไปสามารถรับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์เพื่อให้ร่างกายได้รับสารคาร์โนซีนอย่างปลอดภัยโดยไม่มีการกำหนดปริมาณสูงสุดที่ควรได้รับจากอาหารเหล่านี้
อย่างไรก็ดี การรับประทานอาหารเสริมคาร์โนซีนในรูปแบบต่าง ๆ เช่น แคปซูลหรือผง ไม่ควรรับประทานเกินวันละ 1 กรัมต่อเนื่องกันเกิน 12 สัปดาห์ ควรรับประทานตามปริมาณที่ระบุไว้บนฉลาก โดยผู้ที่ตั้งครรภ์และให้นมบุตรไม่ควรรับประทานอาหารเสริมคาร์โนซีน รวมทั้งผู้ที่รับประทานยาลดระดับน้ำตาลในเลือดควรระมัดระวังเช่นกัน เนื่องจากอาหารเสริมคาร์โนซีนอาจส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำลงผิดปกติได้
ส่วนผู้ที่เลือกรับประทานผลิตภัณฑ์อื่นที่มีส่วนผสมของคาร์โนซีน เช่น ซุปไก่สกัด ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีวัตถุกันเสีย ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาล ไขมัน และคอเลสเตอรอล โดยผู้ที่มีสุขภาพดีสามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัย ช่วงเวลาที่แนะนำให้รับประทานคือในช่วงเช้า ซึ่งคาร์โนซีนในซุปไก่สกัดดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย จึงช่วยเพิ่มพลังกายและบำรุงสมองให้พร้อมทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ทุกวัน
กรณีที่ใช้ยาอื่นหรือมีโรคประจำตัว เช่น โรคเกาต์ โรคหัวใจ โรคไต โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด ๆ ก็ตาม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่าง ๆ ที่มีคาร์โนซีนควรเก็บในที่แห้งและเย็น ไม่ถูกแสงแดดโดยตรง และตรวจดูวันหมดอายุก่อนรับประทานเสมอ
การได้รับคาร์โนซีนอย่างเพียงพอจะช่วยเสริมการทำงานของสมองและความจำ เพิ่มกล้ามเนื้อ ลดความเสี่ยงของโรคที่เกิดจากความเสื่อมของสมอง และโรคเรื้อรังอื่น ๆ ทั้งนี้ ควรรับประทานอาหารอื่นที่มีประโยชน์อย่างหลากหลาย เช่น กรดอะมิโน แอนเซอรีน วิตามินและแร่ธาตุอื่น ๆ ควบคู่กับคาร์โนซีน เพื่อให้ร่างกายได้ประโยชน์จากคาร์โนซีนอย่างเต็มที่ และมีสุขภาพที่แข็งแรง