ผู้เขียน หัวข้อ: “ไวรัสตับอักเสบบี” โรคร้ายที่คุณป้องกันได้  (อ่าน 35 ครั้ง)

siritidaphon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 422
    • ดูรายละเอียด
“ไวรัสตับอักเสบบี” โรคร้ายที่คุณป้องกันได้

ไวรัสตับอักเสบบี สามารถทำให้เกิดการอักเสบของตับแบบเฉียบพลัน หรือแบบเรื้อรังได้ ไวรัสตับอักเสบบีเป็นสาเหตุของโรคตับแข็ง และมะเร็งตับที่สำคัญของโลก อย่างไรก็ดี ปัจจุบันเรามีวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี ที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ และลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่จะเกิดตามมา


รู้จักกับโรคตับอักเสบจากเชื้อไวรัส (Viral Hepatitis)

โรคตับอักเสบจากเชื้อไวรัส คือ ภาวะการอักเสบของตับ ที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ สายพันธ์เอ บี หรือซี ซึ่งสามารถทำให้เกิดอาการตับอักเสบเฉียบพลัน หรือกรณีไวรัสตับอักเสบสายพันธ์บี และซี สามารถทำให้เกิดภาวะตับอักเสบเรื้อรัง เพิ่มความเสี่ยงโรคตับแข็งและโรคมะเร็งตับ
 
ไวรัสตับอักเสบเอ

เชื้อไวรัสตับอักเสบเอ สามารถติดต่อได้โดยการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อ โดยมักทำให้เกิดภาวะตับอักเสบเฉียบพลัน มีอาการได้แก่ อ่อนเพลีย ไข้ ตัวเหลืองตาเหลือง  เบื่ออาหาร เป็นต้น โดยถึงแม้ว่าส่วนใหญ่อาการจะสามารถดีขึ้นได้เอง แต่ก็มีบางรายที่มีอาการรุนแรงและอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้  ปัจจุบันมีวัคซีนไวรัสตับอักเสบเอที่ป้องกันการติดเชื้อได้ โดยผู้ที่ควรได้รับวัคซีนได้แก่

    ผู้ป่วยที่มีโรคตับอักเสบเรื้อรัง หรือโรคตับแข็ง
    บุคคลที่มีสมาชิกในครอบครัว หรือบุคคลใกล้ชิดติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ
    พ่อครัว แม่ครัว ผู้ประกอบอาชีพปรุงอาหาร
    ผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง
    ผู้ที่มีพฤติกรรมรักร่วมเพศ (กลุ่มเพศชาย)

โดยวัคซีนไวรัสตับอักเสบ จะฉีด 2 ครั้ง โดยฉีดห่างกัน 6-12 เดือน

 
ไวรัสตับอักเสบบี

เชื้อไวรัสตับอักเสบบี ติดต่อผ่านการสัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี, ทางเพศสัมพันธ์ หรือการติดต่อจากมารดาสู่ทารกในครรภ์  โดยไวรัสตับอักเสบบี นอกจากจะทำให้เกิดทั้งภาวะตับอักเสบเฉียบพลัน แล้วยังสามารถเกิดภาวะตับอักเสบเรื้อรังได้อีกด้วย ทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคตับแข็งและมะเร็งตับ

 
อาการของโรคไวรัสตับอักเสบบี

อาการของโรคไวรัสตับอักเสบบีแบ่งได้เป็น 2 ระยะ คือ

    ระยะเฉียบพลัน ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการภายใน 1-4 เดือนหลังติดเชื้อ ซึ่งจะมีอาการดังนี้
        อาการไข้
        ตัวเหลืองตาเหลือง
        ปวดท้องใต้ชายโครงขวา
        คลื่นไส้ อาเจียน
        เบื่ออาหาร
        ท้องเสียและอาเจียน
        อ่อนเพลีย
        ผื่น
        ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ
        ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการรุนแรง เกิดจากการที่เซลล์ตับถูกทำลายเป็นจำนวนมาก ในกรณีนี้อาจทำให้เกิดภาวะตับวายได้

อาการตับอักเสบระยะเฉียบพลันจะดีขึ้นใน 1-4 สัปดาห์ และจะหายเป็นปกติเมื่อร่างกายสามารถกำจัดและควบคุมเชื้อไวรัสตับอักเสบได้ ซึ่งมักใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือน แต่ผู้ป่วยส่วนน้อย (5-10%) ไม่สามารถกำจัดเชื้อออกจากร่างกายได้หมด ทำให้ผู้ป่วยมีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง

 
ผู้ที่ควรฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี

    ทารกแรกเกิด เด็ก และวัยรุ่นที่ไม่ได้รับวัคซีนเมื่อแรกเกิด
    ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบบี บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ที่ทำงานในสถานพยาบาล
    ผู้ป่วยโรคตับเรื้อรัง
    ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่ได้รับการฟอกไต
    ผู้ป่วยที่ได้รับเลือดบ่อย ๆ
    ผู้ที่ใช้ยาเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้น
    ผู้ที่ต้องเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค
    ผู้ที่เสี่ยงต่อโรคเนื่องจากปัจจัยเสี่ยงทางพฤติกรรมทางเพศ เช่น รักร่วมเพศ มีคู่นอนหลายคน


 
วิธีป้องกันไวรัสตับอักเสบบี

    ตรวจสุขภาพร่างกายเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรตรวจเช็คตับปีละ 1 ครั้ง และตรวจคัดกรองมะเร็งตับเป็นระยะ

    ควรฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันไวรัสตับอักเสบ โดยฉีดทั้งหมด 3 ครั้ง เข็มที่ 2 ฉีดหลังจากเข็มแรก 1-2 เดือน และเข็มที่ 3 ฉีดหลังจากเข็มที่ 2 แล้ว 5 เดือน

    ไม่ควรรับประทานยาพร่ำเพรื่อติดต่อกันเป็นเวลานาน หากไม่ได้อยู่ในความดูแลของแพทย์

    งดดื่มแอลกอฮอล์

    ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานโรค

    มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย

    หลีกเลี่ยงการสัมผัสเลือดและสารคัดหลั่งของผู้ป่วย

จะเห็นได้ว่าไวรัสตับอักเสบเป็นภัยร้ายที่นอกจากจะส่งผลต่อตัวเราแล้วยังอาจถ่ายทอดสู่บุคคลรอบข้าง สมาชิกในครอบครัวได้อีกด้วย จึงอยากเชิญชวนให้พิจารณาการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบเอและบี ด้วยนะครับ

 

ลงประกาศฟรี ติดอันดับ Google โฆษณาฟรี ประกาศฟรี ขายฟรี ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ขายรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าอุตสาหกรรม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ สถานที่ท่องเที่ยว ลงโฆษณาฟรี google